การผลิตน้ำมัน จากแสงแดง น้ำ และ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) ถือว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการผลิตเชื้อเพลิงเป็นอย่างมาก ซึ่งแนวคิดการผลิต “น้ำมัน” จากแสงแดด น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) เป็นแนวคิดที่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเลียนแบบกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ซึ่งเป็นการเปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานเคมีสะสมอยู่ในรูปของน้ำตาล นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถจำลองกระบวนการนี้ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อผลิตเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะกลายเป็นพลังงานหลักในอนาคต การลงทุนในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้ จะช่วยให้เราสามารถสร้างโลกที่สะอาดและยั่งยืนได้
หลักการของกระบวนการผลิต น้ำมัน จากแสงแดง น้ำ และ คาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)
สำหรับกระบวนการผลิตนั้น เราสามารถแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ ได้ดังนี้ครับ
1.การใช้แสงอาทิตย์ ใช้เซลล์แสงอาทิตย์ (Solar Cell) ที่มีประสิทธิภาพสูงในการเปลี่ยนพลังงานแสงเป็นพลังงานไฟฟ้า พลังงานไฟฟ้าที่ได้จะถูกนำไปใช้ในขั้นตอนต่อไป
2.การแยกน้ำ นำพลังงานไฟฟ้าที่ได้จากเซลล์แสงอาทิตย์มาใช้ในการแยกโมเลกุลของน้ำ (H₂O) ออกเป็นไฮโดรเจน (H₂) และออกซิเจน (O₂) กระบวนการนี้เรียกว่าอิเล็กโทรไลซิส (กระบวนการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า โดยน้ำจะถูกนำไปวางระหว่างขั้วไฟฟ้าทั้งสอง เมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน น้ำจะแตกตัวเป็นไฮโดรเจนที่ขั้วแคโทด และออกซิเจนที่ขั้วแอโนด)
3.การสังเคราะห์ นำไฮโดรเจนที่ได้ไปรวมกับคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) โดยใช้ตัวเร่งปฏิกิริยา เพื่อสร้างโมเลกุลของไฮโดรคาร์บอน กระบวนการนี้จำเป็นต้องใช้ตัวเร่งปฏิกิริยาเพื่อช่วยให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และในกระบวนการผลิตนั้นส่วนที่มีความสำคัญมากๆ นั่นก็คือ ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจหลักของกระบวนการผลิตเลยก็ว่าได้ ตัวเร่งปฏิกิริยาเปรียบเสมือน “ผู้ช่วย” ที่สำคัญในการผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์ เพราะมันช่วยให้ปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้กระบวนการผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์เป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ ตัวเร่งปฏิกิริยาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิกิริยาเคมี แต่ตัวมันเองจะไม่ถูกใช้สิ้นไป ทำหน้าที่ลดพลังงานกระตุ้นที่จำเป็นในการเริ่มต้นปฏิกิริยา ทำให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และยังช่วยควบคุมทิศทางของปฏิกิริยาให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ
ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้ในเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์
ตัวเร่งปฏิกิริยาเปรียบเสมือน “ผู้ช่วย” ที่สำคัญในการผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์ เพราะมันช่วยให้ปฏิกิริยาเคมีที่ซับซ้อนเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้กระบวนการผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์เป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์
ตัวเร่งปฏิกิริยาทำงานอย่างไร?
ตัวเร่งปฏิกิริยาจะเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิกิริยาเคมี แต่ตัวมันเองจะไม่ถูกใช้สิ้นไป ทำหน้าที่ลดพลังงานกระตุ้นที่จำเป็นในการเริ่มต้นปฏิกิริยา ทำให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และยังช่วยควบคุมทิศทางของปฏิกิริยาให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่ต้องการ
ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ใช้ในเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์
มีตัวเร่งปฏิกิริยาหลายชนิดที่ถูกนำมาศึกษาและพัฒนาเพื่อใช้ในการผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์ โดยแบ่งออกได้เป็นหลักๆ ดังนี้
- โลหะมีค่า เช่น ทองคำ, แพลทินัม, และรูทีเนียม โลหะเหล่านี้มีประสิทธิภาพในการเร่งปฏิกิริยาสูง แต่มีราคาแพง ทำให้การนำไปใช้ในเชิงอุตสาหกรรมยังมีข้อจำกัด
- โลหะทรานซิชัน เช่น โคบอลต์, นิเกิล, และเหล็ก โลหะเหล่านี้มีราคาถูกกว่าโลหะมีค่า แต่ประสิทธิภาพอาจจะต่ำกว่า
- เซมิคอนดักเตอร์ เช่น ไททาเนียมไดออกไซด์ (TiO2), ซิงค์ออกไซด์ (ZnO), และแคดเมียมซัลไฟด์ (CdS) เซมิคอนดักเตอร์สามารถดูดซับพลังงานแสง รวมถึงการสร้างอิเล็กตรอนและโฮล (ตำแหน่งว่างของอิเล็กตรอนในโครงสร้างผลึกของเซมิคอนดักเตอร์) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการเร่งปฏิกิริยาได้

ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต
- ประสิทธิภาพของเซลล์แสงอาทิตย์ ยิ่งเซลล์แสงอาทิตย์มีประสิทธิภาพสูงเท่าไหร่ ก็จะได้พลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการแยกน้ำมากขึ้นเท่านั้น
- ประสิทธิภาพของตัวเร่งปฏิกิริยา ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดีจะช่วยให้ปฏิกิริยาเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น และเลือกผลิตภัณฑ์ได้ตามต้องการ
- สภาวะการทำงาน อุณหภูมิ ความดัน และค่า pH ของระบบมีผลต่อประสิทธิภาพของกระบวนการ
- ต้นทุน ต้นทุนของวัสดุ อุปกรณ์ และพลังงานที่ใช้ในการผลิตมีผลต่อราคาของเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์
Synhelion ผู้นำในการผลิตเชื้อเพลิงจากพลังงานแสงอาทิตย์
Synhelion เป็นบริษัทเทคโนโลยีสะอาดจากสวิตเซอร์แลนด์ที่มุ่งเน้นในการพัฒนาและผลิตเชื้อเพลิงที่ยั่งยืนจากพลังงานแสงอาทิตย์ ประกาศเปิดตัวโรงงานผลิต “Solar Fuels” ระดับอุตสาหกรรมแห่งแรกของโลก ที่เมือง Jülich ประเทศเยอรมนี ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้เพียง “แสงแดด น้ำ และคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂)” ในการผลิตเชื้อเพลิงเหลว เช่น น้ำมันเครื่องบิน (e-Kerosene) น้ำมันดีเซล (e-Diesel) และน้ำมันเบนซิน (e-Gasoline) โดยไม่ต้องใช้น้ำมันดิบเลย
เทคโนโลยี Sun-to-Liquid ของ Synhelion
เทคโนโลยีหลักของ Synhelion คือ Sun-to-Liquid ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ (Concentrated Solar Power หรือ CSP) ที่รวมพลังแสงแดดจากกระจกสะท้อนกว่า 10,000 แผ่น เพื่อสร้างความร้อนสูงถึง 1,500°C ซึ่งเพียงพอต่อการแยกโมเลกุลของน้ำและ CO₂ ให้กลายเป็น Syngas (ก๊าซสังเคราะห์) ก่อนจะนำไปเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงเหลว เช่น e-Kerosene น้ำมันเครื่องบิน ซึ่งสามารถนำไปใช้กับเครื่องบินได้โดยตรง นอกจากนี้ยังมี e-Diesel และ e-Gasoline ที่สามารถใช้ได้กับรถยนต์และเครื่องจักรดีเซลและเบนซินทั่วไป โดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์

Synhelion ได้ร่วมมือกับสายการบิน SWISS เพื่อนำเชื้อเพลิงสังเคราะห์ที่ผลิตจากพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้กับเครื่องบิน ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในวงการการบินที่มุ่งสู่ความยั่งยืน และมีเป้าหมายที่จะขยายการผลิตเชื้อเพลิงสังเคราะห์ในเชิงพาณิชย์ และสร้างโรงงานผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์ขนาดใหญ่ทั่วโลก เทคโนโลยีของ Synhelion มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมพลังงาน และช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ทาง Synhelion ได้เตรียมทดลองใช้น้ำมัน e-Kerosene กับเครื่องบินพาณิชย์ในปี 2025 นี่จะเป็นครั้งแรกในโลกที่เครื่องบินเดินทางด้วยน้ำมันที่ผลิตจากดวงอาทิตย์

ระยะแรกของโรงงานสามารถผลิตน้ำมันได้ 10,000 ลิตรต่อปี ซึ่งทาง Synhelion ก็ได้วางแผนในการขยายกำลังการผลิตให้ถึง 100 ล้านลิตรต่อปีในอนาคตอีกด้วย
อนาคตของเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์
แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่เชื้อเพลิงแสงอาทิตย์ก็ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการแก้ไขปัญหาพลังงานและสิ่งแวดล้อมในอนาคต การวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จะช่วยให้เราสามารถผลิตเชื้อเพลิงแสงอาทิตย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและต้นทุนที่ต่ำลง ในอนาคตเราอาจได้เห็นการนำเชื้อเพลิงสังเคราะห์ไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้น เช่น การผลิตไฟฟ้า หรือการผลิตเคมีภัณฑ์ต่างๆ