หลายคนที่กำลังสนใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า EV มาใช้ ก็อย่าลืมพิจารณาเรื่องของการประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า เพราะเป็นสิ่งที่จำเป็น และควรจะทำเอาไว้ เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นหลายยี่ห้อ เมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ค่าซ่อมอยู่ในระดับที่สูงกว่า เรียกว่าการซื้อประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า ก็ช่วยให้เราสบายใจ ไม่ต้องเสียค่าซ่อมแพงๆ ได้ ซึ่งในช่วงแรกนั้น บริษัทประกันก็ได้ให้ความคุ้มครองแบบเดียวกับรถยนต์ปกติทั่วไป แต่ล่าสุดได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขออกมาใหม่ เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 นี้เป็นต้นมา และให้ระยะเวลาบริษัทประกันออกกรมธรรม์ตามหลักเกณฑ์ใหม่ภายใน 31 พ.ค. 67 บทความนี้เลยจะมาอัพเดตให้ทราบกันว่า หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และรายละเอียดล่าสุดเป็นอย่างไร
ประกันรถยนต์ไฟฟ้าอันเดิมเป็นอย่างไร
มาเริ่มของเดิมกันก่อนว่าเป็นอย่างไร เริ่มจากความคุ้มครองก่อน จะเป็นการคุ้มครองทุกความเสี่ยง คือ รถเป็นอะไรก็เคลมประกันได้ทั้งหมด มีการรับประกันแบตเตอรี่หากมีความเสียหายก็จ่ายตามจริง และไม่มีการกำหนดค่าเสื่อมใดๆ สำหรับอัตราเบี้ยประกันภัยก็กำหนดเหมือนรถยนต์ทั่วๆ ไปเลย เจ้าของรถสามารถเลือกประกันแบบระบุผู้ขับขี่ได้ด้วย มีการให้ส่วนลดโดยดูจากประวัติการเคลมเหมือนรถยนต์ทั่วไป สรุปว่าประกันรถยนต์ไฟฟ้าแบบเดิมนั้นก็จะเหมือนกับรถยนต์ทั่วๆ ไปครับ
ประกันรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่ 2567
มาถึงประกันรถยนต์ไฟฟ้าฉบับใหม่กันบ้างครับ ซึ่งจริงๆ แล้วมีผลมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคา 2567 ที่ผ่านมาแล้ว สำหรับความคุ้มครองนั้นจะไม่ได้คุ้มครองทุกอย่างนะครับ สำหรับส่วนที่คุ้มครองก็จะคุ้มครองเหมือนรถยนต์ทั่วไปเลย แต่จะไม่คุ้มครองในส่วนระบบปฏิบัติการของรถที่มีความเสียหายจากปัจจัยภายนอก รวมถึงไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิต ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่ก็จะมีการกำหนดค่าเสื่อมเพิ่มเติมเข้ามา โดยกำหนดเอาไว้ว่า ค่าเสื่อมลดลงปีละ 10% แต่หากมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ ก็สามารถขอเพิ่มความคุ้มครองได้ โดยในปีแรกจะคุ้มครอง 100% ซึ่งจะกำหนดให้บริษัทประกันคิดค่าเสื่อมของแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งานร่วมด้วยเมื่อมีการพิจารณาให้ความคุ้มครอง รวมถึงการชดใช้สินไหม โดยอัตราการชดเชยค่าสินไหมจะลดลง 10% ต่อปี จนกระทั่งต่ำสุด 50% (ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป)
ตารางความคุ้มครอง
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 1 ปี: 100%
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 2 ปี: 90%
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 3 ปี: 80%
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 4 ปี: 70%
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่ไม่เกิน 5 ปี: 60%
- อายุการใช้งานแบตเตอรี่เกิน 5 ปี: 50%
สำหรับค่าเบี้ยประกันก็มีการปรับเป็นขั้นสูงสุด มีการกำหนดเป็น 5 ขั้น โดยใช้ราคารถเป็นเกณฑ์ร่วมด้วย สำหัรบการระบุชื่อผู้ขับขี่ สามารถระบุได้สูงสุด 5 คน มีการกำหนดค่าใช้จ่ายส่วนแรกเอาไว้ กรณีผู้ขับขี่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่ระบุเอาไว้ และส่วนลดแต่ละปีที่จะพิจารณาลดให้นั้นก็จะใช้ประวัติของผู้ขับขี่ที่แย่ที่สุดเอามาคำนวณ ซึ่งต่างจากอันเดิมที่จะใช้ประวัติของรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเกณฑ์
กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (Battery Electric Vehicle: BEV) ฉบับใหม่นี้ มาจากความร่วมมือของบริษัทประกันภัยกับหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง ในการสร้างมาตรฐานเฉพาะสำหรับการรับประกันรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะการใช้เป็นรถส่วนบุคคล ซึ่งแตกต่างจากกรมธรรม์ปัจจุบันที่นำกรมธรรม์ประกันรถยนต์ทั่วไปมาใช้ ทำให้ขอบเขตความคุ้มครองและพื้นฐานการคำนวณเบี้ยประกัน มีความชัดเจน สมเหตุผล และสะท้อนความเสี่ยงได้ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ยังคำนึงถึงความเสี่ยงของบริษัทประกันภัย ซึ่งคงมีส่วนช่วยเพิ่มจำนวนบริษัทประกันที่มีความพร้อมในการรับประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า และขยายโอกาสในการมีทางเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัยของผู้บริโภคที่ตอบโจทย์การใช้งานได้ดีขึ้นในระยะข้างหน้า
สำหรับเงื่อนไขต่างๆ ที่มีการยกเว้นไม่รับประกัน บริษัทประกันบางแห่งก็เปิดโอกาสให้ผู้ใช้รถสามารถจ่ายเงินเบี้ยประกันเพิ่มเติมได้ เช่น ในกรณีไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากเครื่องชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ได้มาจากผู้ผลิตรถยนต์ หรือที่เราซื้อมาติดใช้เองตามบ้าน เราก็สามารถซื้อเพิ่มได้ โดยค่าเบี้ยก็จะอยู่ประมาณไม่เกิน 3.5% ของราคาเครื่องชาร์จ หรืออาจจะมากหรือน้อยกว่านี้ตามแต่บริษัทประกันนั้นๆ กำหนดเอาไว้
ก่อนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าใช้ อย่าลืมดูเรื่องประกันภัยไว้ด้วย
สำหรับท่านที่จะซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ ก่อนซื้ออย่าลืมศึกษารายละเอียดความคุ้มครอง และค่าเบี้ยประกันภัยให้ดีด้วยครับ เชื่อว่าแทบทุกคนก็ต้องซื้อประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าเอาไว้อย่างแน่นอน ซึ่งก็ค่อนข้างสูงพอสมควร แต่ก็แลกกับการป้องกันความเสี่ยงที่เกิดขึ้นก็ถือว่าคุ้มค่า และขับได้แบบสบายใจ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมขับรถด้วยความระมัดระวังกันด้วยนะครับ ไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ ถือว่าเป็นสิ่งดีที่สุดแล้วครับ
Photo : freepik