ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา ข้อมูลเกี่ยวกับ “ระยะทางขับขี่” กลายเป็นปัจจัยอันดับต้นๆ ที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ แต่ความจริงแล้วตัวเลขระยะทางที่ผู้ผลิตแจ้งไว้นั้นไม่ได้วัดจากมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนและเข้าใจผิดได้ บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกถึงมาตรฐานการวัดระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญ พร้อมอธิบายความแตกต่าง วิธีการวัด และแนวทางการเปรียบเทียบที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมั่นใจ
ทำความเข้าใจกับ “ระยะทางขับขี่” ของรถยนต์ไฟฟ้า
ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับมาตรฐานการวัดค่าต่างๆ เรามาทำความเข้าใจพื้นฐานกันก่อนว่า “ระยะทางขับขี่” ของรถยนต์ไฟฟ้าคืออะไร อธิบายง่ายๆ คือ เป็นการวัดว่ารถยนต์ไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลแค่ไหนต่อการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มหนึ่งครั้ง โดยทั่วไปแล้วจะแสดงเป็นหน่วยกิโลเมตร (km) หรือไมล์ (miles)
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขที่ระบุในสเปกของรถยนต์ไฟฟ้ามักเป็นค่าที่ได้จากการทดสอบภายใต้สภาวะควบคุม ซึ่งอาจแตกต่างจากระยะทางที่วิ่งได้จริงในชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลต่อการใช้พลังงานของรถยนต์ไฟฟ้า

มาตรฐานระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญ
ปัจจุบันมีมาตรฐานการวัดระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าที่นิยมใช้กันอยู่หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและข้อกำหนดของแต่ละประเทศ ซึ่งมาตรฐานหลักๆ ที่ควรรู้จักก็จะมีอยู่ด้วยกัน 4 มาตรฐานด้วยกัน คือ NEDC, WLTP , EPA และ CTLC ซึ่งในประเทศไทยนั้น จะนิยมใช้กันหลักๆ อยู่มาตัวคือ NEDC, WLTP และ CTLC เท่านั้น แต่ในอนาคตอาจจะมีเพิ่มมากกว่านี้ ทางทีมงานจะมาอัพเดตเพิ่มเติมให้อีกครั้งครับ ตอนนี้ไปดูรายละเอียดของมาตรฐานแต่ละอันกันก่อนว่ามีอะไรกันบ้าง
1. NEDC (New European Driving Cycle)
NEDC เป็นมาตรฐานเก่าที่เริ่มใช้ในยุโรปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 ออกแบบมาเพื่อวัดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงและการปล่อยมลพิษของรถยนต์สันดาปภายในเป็นหลัก และถูกนำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าในภายหลัง ปัจจุบันยุโรปได้ยกเลิกการใช้มาตรฐานนี้แล้ว แต่ยังคงพบเห็นได้ในรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นที่ผลิตและจำหน่ายในบางภูมิภาค เช่น รถยนต์ไฟฟ้าจากค่าย GWM, MG และ NETA ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยบางรุ่นยังคงระบุระยะทางตามมาตรฐาน NEDC
การทดสอบ NEDC ทำในห้องปฏิบัติการ โดยจำลองการขับขี่ในเมืองและนอกเมืองในรูปแบบที่ค่อนข้างคงที่ มีความเร็วเฉลี่ยต่ำ (ประมาณ 34 กม./ชม.) และใช้เวลาทดสอบประมาณ 20 นาที ลักษณะการขับขี่ไม่ซับซ้อน ไม่มีการจำลองการเร่งหรือหยุดรถที่รุนแรง และไม่คำนึงถึงปัจจัยแวดล้อม เช่น อุณหภูมิ
เนื่องจากเป็นมาตรฐานที่เก่าและไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ค่าระยะทางที่ได้จาก NEDC มักจะ สูงเกินจริง เมื่อเทียบกับการใช้งานจริงค่อนข้างมาก ประมาณ 25-30% หรืออาจสูงกว่า EPA เกือบ 50% ทำให้ผู้ใช้งานอาจเกิดความคาดหวังที่ผิดพลาด
2. WLTP (Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure)
WLTP เป็นมาตรฐานที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่เพื่อแทนที่ NEDC ในยุโรปตั้งแต่ปี 2017 และได้รับความนิยมใช้งานอย่างแพร่หลายทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ถือเป็นมาตรฐานที่ให้ค่าระยะทางที่ใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากขึ้น
การทดสอบ WLTP ทำในห้องปฏิบัติการเช่นกัน แต่มีความซับซ้อนและจำลองสภาพการขับขี่ที่หลากหลายกว่า NEDC มาก ทั้งในเมือง นอกเมือง และบนทางหลวง ด้วยความเร็วที่แตกต่างกัน (ต่ำ กลาง สูง และสูงมาก) มีการเร่งและลดความเร็วที่สมจริงมากขึ้น ระยะเวลาการทดสอบนานขึ้น (ประมาณ 30 นาที) และคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น อุณหภูมิเริ่มต้นของแบตเตอรี่ น้ำหนักของรถ และอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่ติดตั้งในรถ
สำหรับมาตรฐาน WLTP นี้ จะให้ค่าระยะทางที่ สมจริงกว่า NEDC อย่างมีนัยสำคัญ โดยทั่วไปจะสูงกว่าระยะทางที่ใช้งานจริงประมาณ 10-15% และเป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก
3. EPA (Environmental Protection Agency)
EPA เป็นมาตรฐานการทดสอบระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นมาตรฐานที่ให้ค่าระยะทางที่ แม่นยำและใกล้เคียงกับการใช้งานจริงมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย รถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่แทบจะไม่มีการระบุระยะทางตามมาตรฐาน EPA เลย หากคุณดูข้อมูลจำเพาะของรถ มักจะพบการระบุระยะทางด้วยมาตรฐานอื่นเป็นหลัก
การทดสอบ EPA มีความเข้มงวดและจำลองสภาพการขับขี่ที่หลากหลายที่สุด ทั้งการขับขี่ในเมือง การขับขี่บนทางหลวง และการขับขี่แบบผสมผสาน มีการเร่งความเร็ว การเบรก การหยุดนิ่ง และการขับขี่ที่ความเร็วสูง โดยมีรอบการขับขี่ที่ยาวนานกว่า และมีการคำนวณที่ซับซ้อนกว่า นอกจากนี้ ยังมีการทดสอบในสภาวะที่ควบคุมอุณหภูมิ และมีการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% แล้วทิ้งไว้ 1 คืนก่อนเริ่มการทดสอบ เพื่อให้อุณหภูมิแบตเตอรี่เท่ากับอุณหภูมิห้อง
EPA เป็นมาตรฐานที่ให้ค่าระยะทางที่ น่าเชื่อถือที่สุด และใกล้เคียงกับระยะทางที่ใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากที่สุด แม้ว่าจะไม่ค่อยพบในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการจำหน่ายในประเทศไทย

4. CLTC (China Light-Duty Vehicle Test Cycle)
CLTC เป็นมาตรฐานการทดสอบระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าที่พัฒนาและใช้งานในประเทศจีนโดยเฉพาะ รถยนต์ไฟฟ้าที่จำหน่ายในจีน รวมถึง Tesla ที่ผลิตในจีน ก็จะระบุระยะทางตามมาตรฐาน CLTC
CLTC ออกแบบมาเพื่อสะท้อนสภาพการจราจรและพฤติกรรมการขับขี่ในประเทศจีน โดยเน้นการขับขี่ในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น มีการเร่งและลดความเร็วบ่อยครั้ง และมีช่วงความเร็วที่หลากหลาย แต่โดยรวมแล้วมีรอบการทดสอบที่ค่อนข้างสั้นเมื่อเทียบกับ WLTP และ EPA
เนื่องจากเน้นการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก และมีรอบการทดสอบที่ค่อนข้างเอื้อต่อการทำระยะทางให้สูง ทำให้ค่าระยะทางที่ได้จาก CLTC มักจะ สูงกว่า WLTP และ EPA อย่างมีนัยสำคัญ (อาจสูงกว่า EPA ถึง 35%) จึงไม่ควรอ้างอิงค่า CLTC เป็นตัวเลขที่ใช้งานได้จริงในทุกสภาพแวดล้อม
ตารางเปรียบเทียบมาตรฐานระยะทางรถยนต์ไฟฟ้า
เพื่อให้เห็นภาพความแตกต่างของแต่ละมาตรฐานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ลองพิจารณาตารางสรุปนี้
มาตรฐาน | ภูมิภาคที่ใช้หลัก | ความแม่นยำ (เทียบกับการใช้งานจริง) | ลักษณะการทดสอบ | จุดเด่น | จุดสังเกต |
NEDC | อดีตยุโรป (ยังพบในบางรุ่น/ภูมิภาค) | ต่ำ (สูงเกินจริงมาก) | จำลองการขับขี่ในเมือง-นอกเมือง แบบคงที่ ความเร็วเฉลี่ยต่ำ | – | ล้าสมัย ตัวเลขสูงเกินจริงมาก |
WLTP | ยุโรป, ทั่วโลก (รวมไทย) | ปานกลางถึงสูง (ใกล้เคียงจริง) | จำลองการขับขี่หลากหลาย ความเร็วที่แตกต่าง มีปัจจัยแวดล้อม | สมจริงกว่า NEDC ใช้แพร่หลาย | ยังสูงกว่าใช้งานจริงเล็กน้อย |
EPA | สหรัฐอเมริกา | สูง (ใกล้เคียงจริงที่สุด) | เข้มงวด ซับซ้อน จำลองการขับขี่ทุกสภาพ เน้นการใช้งานจริง | แม่นยำที่สุด น่าเชื่อถือ | ไม่ค่อยพบในรถที่จำหน่ายในไทย |
CLTC | จีน | ต่ำถึงปานกลาง (สูงเกินจริงพอควร) | เน้นการขับขี่ในเมือง สภาพจราจรหนาแน่น | สะท้อนพฤติกรรมขับขี่ในจีน | ตัวเลขสูงกว่า WLTP และ EPA |

จะเทียบระยะทางแต่ละแบบได้อย่างไร
การเปรียบเทียบตัวเลขระยะทางระหว่างมาตรฐานต่างๆ โดยตรงอาจทำให้เข้าใจผิดได้ เนื่องจากแต่ละมาตรฐานมีเงื่อนไขการทดสอบที่แตกต่างกันมาก ในประเทศไทย ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะพบการระบุระยะทางตามมาตรฐาน NEDC, WLTP หรือ CLTC ดังนั้น การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของค่าเหล่านี้จึงสำคัญ อย่างไรก็ตาม มีแนวทางคร่าวๆ ในการแปลงค่าเพื่อการเปรียบเทียบดังนี้
- NEDC เป็นค่าตั้งต้นสำหรับตลาดไทย เนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้าบางรุ่นในไทยยังคงระบุระยะทางตามมาตรฐาน NEDC และเป็นค่าที่ค่อนข้างสูงที่สุด จึงอาจใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการประเมิน
- ความสัมพันธ์โดยประมาณ (จาก NEDC)
- WLTP มักจะได้ตัวเลขระยะทางน้อยกว่า NEDC ประมาณ 15-25% (เฉลี่ยประมาณ 20%)
- CLTC มักจะได้ตัวเลขระยะทางน้อยกว่า NEDC ประมาณ 5-15% (เฉลี่ยประมาณ 10%)
- EPA ซึ่งเป็นมาตรฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด แต่ไม่ค่อยพบในไทย มักจะได้ตัวเลขระยะทางน้อยกว่า NEDC ประมาณ 30-40% (เฉลี่ยประมาณ 35%)
- สูตรการแปลง (โดยประมาณ):
- ระยะทาง WLTP = ระยะทาง NEDC×0.75−0.85
- ระยะทาง CLTC = ระยะทาง NEDC×0.85−0.95
- ระยะทาง EPA = ระยะทาง NEDC×0.6−0.7
ตัวอย่าง: หากรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นหนึ่งระบุระยะทาง 400 km ตามมาตรฐาน NEDC
- ระยะทาง WLTP ที่คาดว่าจะได้จะอยู่ที่ประมาณ 400×0.75=300 km ถึง 400×0.85=340 km
- ระยะทาง CLTC ที่คาดว่าจะได้จะอยู่ที่ประมาณ 400×0.85=340 km ถึง 400×0.95=380 km
- ระยะทาง EPA ที่คาดว่าจะได้จะอยู่ที่ประมาณ 400×0.6=240 km ถึง 400×0.7=280 km
ข้อควรระวัง: การแปลงค่าเหล่านี้เป็นเพียงค่าประมาณการเท่านั้น ตัวเลขจริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับรุ่นรถ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ และปัจจัยอื่นๆ การใช้งานจริงมักจะได้ระยะทางน้อยกว่าค่าที่ระบุตามมาตรฐาน โดยเฉพาะ NEDC และ CLTC ทางที่ดีที่สุดคือพิจารณารีวิวจากผู้ใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกัน และวางแผนการเดินทางโดยเผื่อระยะทางไว้เสมอ

การประเมินระยะทางขับขี่จริงจากมาตรฐาน: ตัวคูณง่ายๆ ที่คุณควรรู้
เมื่อคุณดูสเปกรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย คุณจะพบตัวเลขระยะทางที่ระบุตามมาตรฐานต่างๆ เช่น NEDC, WLTP หรือ CLTC แต่ตัวเลขเหล่านี้มักสูงกว่าระยะทางที่คุณจะวิ่งได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้คุณสามารถประเมิน “ระยะทางขับขี่จริง” ได้ใกล้เคียงที่สุด ลองใช้ “ตัวคูณ” เหล่านี้เป็นแนวทางง่ายๆ ครับ
โปรดจำไว้ว่าตัวคูณเหล่านี้เป็นค่าประมาณการเฉลี่ย และระยะทางจริงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ เช่น พฤติกรรมการขับขี่ ความเร็ว การใช้เครื่องปรับอากาศ และสภาพการจราจร
- ถ้าสเปกระบุระยะทางแบบ WLTP (Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure):
- ประมาณระยะทางจริง ให้คูณด้วย 0.80 – 0.90 (หรือลดลงประมาณ 10-20%)
- ถ้าสเปกระบุระยะทางแบบ CLTC (China Light-Duty Vehicle Test Cycle):
- ประมาณระยะทางจริง ให้คูณด้วย 0.70 – 0.80 (หรือลดลงประมาณ 20-30%)
- ถ้าสเปกระบุระยะทางแบบ NEDC (New European Driving Cycle):
- ประมาณระยะทางจริง ให้คูณด้วย 0.60 – 0.70 (หรือลดลงประมาณ 30-40%)
ตัวอย่างการคำนวณแบบง่ายๆ:
สมมติรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่คุณสนใจระบุระยะทางไว้ 400 km
- กรณีระบุ WLTP 400 km:
- ระยะทางจริงที่คาดว่าจะวิ่งได้: 400×0.85≈340 km (ใช้ค่ากลางของช่วง)
- กรณีระบุ CLTC 400 km:
- ระยะทางจริงที่คาดว่าจะวิ่งได้: 400×0.75≈300 km (ใช้ค่ากลางของช่วง)
- กรณีระบุ NEDC 400 km:
- ระยะทางจริงที่คาดว่าจะวิ่งได้: 400×0.65≈260 km (ใช้ค่ากลางของช่วง)
การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจากระยะทางขับขี่
เมื่อทราบถึงความแตกต่างของมาตรฐานและปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อระยะทางแล้ว การเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณจะง่ายขึ้น
- พิจารณาการใช้งานจริงของคุณ โดยเฉลี่ยแล้ว คุณขับรถวันละกี่กิโลเมตร มีเส้นทางประจำที่ยาวแค่ไหน? มีความจำเป็นต้องเดินทางไกลบ่อยแค่ไหน?
- ขับขี่ในเมือง/ชานเมืองเป็นหลัก หากคุณขับรถวันละไม่เกิน 100-150 กิโลเมตร รถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทาง 250-300 กิโลเมตร (WLTP) ก็เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละวัน และอาจจะชาร์จแค่สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
- เดินทางไกลบ่อยครั้ง หากคุณต้องเดินทางข้ามเมืองบ่อยๆ หรือขับรถวันละ 200 กิโลเมตรขึ้นไป ควรเลือกรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะทาง 400 กิโลเมตรขึ้นไป (WLTP) เพื่อความสบายใจ และควรวางแผนจุดชาร์จระหว่างทาง
- อย่าเชื่อตัวเลขเดียว อย่าตัดสินใจจากตัวเลขระยะทางที่ระบุบนสเปกชีตเพียงอย่างเดียว ควรศึกษาว่าตัวเลขนั้นอ้างอิงจากมาตรฐานใด และพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อระยะทางจริงร่วมด้วย
- เปรียบเทียบมาตรฐานเดียวกัน หากเปรียบเทียบรถยนต์หลายรุ่น ควรเปรียบเทียบจากมาตรฐานการวัดเดียวกัน (เช่น เทียบ WLTP กับ WLTP หรือ CLTC กับ CLTC) เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แม่นยำที่สุด เนื่องจากในตลาดไทยคุณจะพบตัวเลขระยะทางตามมาตรฐาน WLTP, CLTC หรือ NEDC เป็นหลัก
- ศึกษาข้อมูลจากรีวิวการใช้งานจริง การดูรีวิวจากผู้ใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกับของคุณ จะช่วยให้เห็นภาพระยะทางที่ใช้งานได้จริงมากขึ้น
- พิจารณาความจุแบตเตอรี่ ความจุแบตเตอรี่ (หน่วยเป็น kWh) เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญ ยิ่งมีความจุมาก ยิ่งเก็บพลังงานได้มากและวิ่งได้ไกลขึ้น (แต่ราคาก็สูงขึ้นและรถอาจมีน้ำหนักมากขึ้นด้วย)
- โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จ แม้รถจะมีระยะทางไกล แต่หากโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จในพื้นที่ที่คุณใช้งานยังไม่ทั่วถึง อาจต้องพิจารณาความถี่ในการชาร์จและตำแหน่งสถานีชาร์จร่วมด้วย
อนาคตของมาตรฐานระยะทางรถยนต์ไฟฟ้า
ในอนาคต มาตรฐานการวัดระยะทางรถยนต์ไฟฟ้ามีแนวโน้มที่จะพัฒนาให้มีความสมจริงและครอบคลุมปัจจัยต่างๆ มากยิ่งขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อมากที่สุด นอกจากนี้ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว เช่น แบตเตอรี่โซลิดสเตท จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทางขับขี่ที่ไกลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ ความกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดกลางทางลดลงไปมากจนแทบไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป และทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ไฟฟ้าสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
การทำความเข้าใจมาตรฐานระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าเหล่านี้ จะช่วยให้คุณเป็นผู้บริโภคที่ฉลาดในการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการและไลฟ์สไตล์การใช้งานของคุณได้อย่างแท้จริง โดยไม่ต้องกังวลกับตัวเลขที่อาจสูงเกินจริง และสามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างมั่นใจในทุกๆ ครั้ง