ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโลกร้อน การสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ และมลพิษที่เพิ่มมากขึ้น การพัฒนาที่ยั่งยืนกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย หนึ่งในเครื่องมือที่ถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมแนวคิดนี้คือ ตรา G-Green ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการผลิต บริการ และการบริโภคที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ตรา G-Green คืออะไร?
ตรา G-Green เป็นตราสัญลักษณ์ที่ออกโดย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) ภายใต้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย เริ่มต้นขึ้นภายใต้โครงการ “การส่งเสริมการผลิต การบริการ และการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า โครงการ G-Green โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ทั้งผู้ผลิต ผู้ให้บริการ และผู้บริโภคหันมาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและกระบวนการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และการพัฒนาที่ยั่งยืน
ตราสัญลักษณ์นี้มอบให้กับหน่วยงาน องค์กร หรือสถานประกอบการที่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีระยะเวลาการรับรอง 3 ปี และแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ดังนี้
- ระดับดีเยี่ยม (G ทอง) แสดงถึงความเป็นเลิศในการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ระดับดีมาก (G เงิน) แสดงถึงความมุ่งมั่นและผลการดำเนินงานที่ดี
- ระดับดี (G ทองแดง) แสดงถึงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสู่ความยั่งยืน

โครงการ G-Green ครอบคลุมอะไรบ้าง?
โครงการ G-Green ถูกออกแบบมาเพื่อให้ครอบคลุมหลากหลายภาคส่วน โดยแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่
- กลุ่มผู้ผลิต (Green Production)
มุ่งเน้นการสนับสนุนผู้ผลิต เช่น วิสาหกิจชุมชน กลุ่ม OTOP หรือโรงงานอุตสาหกรรม ให้พัฒนากระบวนการผลิตที่ลดการทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืน การลดของเสีย และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) - กลุ่มผู้ให้บริการ
- Green National Park อุทยานแห่งชาติที่จัดการสิ่งแวดล้อมและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
- Green Airport สนามบินที่พัฒนาระบบการจัดการเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- Green Hotel โรงแรมที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและลดขยะ
- Green Restaurant ร้านอาหารที่คำนึงถึงการลดการใช้พลาสติกและการจัดการขยะ
- กลุ่มผู้บริโภค (Green Office)
ส่งเสริมสำนักงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ลดการใช้กระดาษ ลดการใช้พลังงาน และส่งเสริมการคัดแยกขยะ เพื่อสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังมีโครงการย่อยอื่น ๆ เช่น Green Residence ที่มุ่งเน้นที่อยู่อาศัย และ Green Coffee Shop ที่สนับสนุนร้านกาแฟให้ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
ประโยชน์ของตรา G-Green
การได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ดังนี้
- ลดต้นทุน การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ลดการใช้ไฟฟ้าและน้ำ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับองค์กร
- ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตัวอย่างเช่น การประเมินผลจากโครงการ Green Office พบว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึงร้อยละ 9.64 หรือเทียบเท่ากับหลายพันตันคาร์บอนไดออกไซด์
- เพิ่มโอกาสทางการค้า ในยุคที่คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) มีความสำคัญต่อการค้าระหว่างประเทศ การมีตราสัญลักษณ์ G-Green ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและโอกาสในการส่งออกสินค้า
- สร้างภาพลักษณ์ที่ดี เป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นที่ยอมรับในหมู่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม

ความสำเร็จของโครงการ
ตั้งแต่เริ่มโครงการในปี 2556 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม 2568) มีสถานประกอบการและหน่วยงานทั่วประเทศไทยได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green มากกว่า 2,000 แห่ง ครอบคลุม 76 จังหวัด โดยในปี 2567 เพียงปีเดียว มีผู้ได้รับรางวัลถึง 233 แห่ง ซึ่งแสดงถึงความตื่นตัวและการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตัวอย่างความสำเร็จที่เห็นได้ชัด เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ที่ได้รับรางวัลระดับดีเยี่ยมถึง 61 แห่งในปี 2567 และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 3,005.48 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือกรณีของสำนักงานและโรงงานต่าง ๆ ที่ลดค่าใช้จ่ายได้ถึงแห่งละ 1.4 ล้านบาทจากการปรับปรุงการใช้พลังงาน
ก้าวต่อไปของ G-Green
ตรา G-Green ไม่ได้เป็นเพียงรางวัลหรือสัญลักษณ์ แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนตามนโยบาย BCG Model (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติ ด้วยการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงนวัตกรรม การสร้างความตระหนักรู้ หรือการพัฒนาต้นแบบผู้ประกอบการที่คำนึงถึงสังคมคาร์บอนต่ำ
ในอนาคต โครงการ G-Green มีแผนขยายขอบเขตไปยังกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ และเพิ่มความเข้มข้นของเกณฑ์การประเมิน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล และตอบสนองต่อความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

การเข้าร่วมโครงการเพื่อขอรับตรา G-Green
หากต้องการเข้าร่วมโครงการ G-Green เพื่อรับตราสัญลักษณ์นี้ ต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดโดย กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีกระบวนการที่ชัดเจนและสามารถทำได้ทั้งหน่วยงานภาครัฐ เอกชน หรือแม้แต่ชุมชนทั่วไป ต่อไปนี้คือขั้นตอนคร่าว ๆ ที่ต้องปฏิบัติ
1. ศึกษาเกณฑ์และประเภทของตราสัญลักษณ์
- ก่อนสมัคร ควรทำความเข้าใจว่าโครงการ G-Green มีหลายประเภท เช่น Green Office, Green Hotel, Green Production หรือ Green Restaurant เป็นต้น ซึ่งแต่ละประเภทจะมีเกณฑ์การประเมินที่แตกต่างกัน
- เกณฑ์หลักที่ใช้ประเมินจะเน้นเรื่อง
- การจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (น้ำ ไฟฟ้า กระดาษ)
- การลดขยะและการจัดการของเสีย
- การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- การสร้างจิตสำนึกและพฤติกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ระดับของตราที่จะได้รับ (ทอง เงิน ทองแดง) ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานตามเกณฑ์
2. เตรียมความพร้อมภายในองค์กร
- จัดตั้งทีมงาน แต่งตั้งทีมหรือผู้รับผิดชอบโครงการภายในองค์กร เพื่อดูแลการดำเนินงานและเก็บข้อมูล
- สำรวจและปรับปรุง ตรวจสอบการใช้ทรัพยากรและกระบวนการทำงานปัจจุบัน เช่น การใช้พลังงาน การจัดการขยะ หรือการลดการใช้พลาสติก แล้ววางแผนปรับปรุงให้สอดคล้องกับแนวทาง G-Green
- เก็บข้อมูล บันทึกข้อมูลพื้นฐาน เช่น ปริมาณการใช้ไฟฟ้า น้ำ หรือขยะที่เกิดขึ้น เพื่อใช้เปรียบเทียบผลลัพธ์หลังปรับปรุง
3. สมัครเข้าร่วมโครงการ
- ติดต่อ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) หรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่ เช่น สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด เพื่อขอรับเอกสารและคำแนะนำในการสมัคร
- ดาวน์โหลดแบบฟอร์มสมัครจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ (www.dcce.go.th) หรือสอบถามผ่านช่องทางที่ระบุ
- ยื่นใบสมัครพร้อมเอกสารประกอบ เช่น รายละเอียดองค์กร แผนการดำเนินงาน และผลการปรับปรุงเบื้องต้น (ถ้ามี)
4. ดำเนินการตามแผนและเก็บผลลัพธ์
- หลังจากสมัคร องค์กรต้องดำเนินการตามแผนที่วางไว้ เช่น ลดการใช้พลังงาน ติดตั้งระบบรีไซเคิล หรือจัดอบรมพนักงานเพื่อสร้างความตระหนัก
- เก็บข้อมูลผลลัพธ์อย่างต่อเนื่อง เช่น ปริมาณพลังงานที่ลดลง หรือขยะที่จัดการได้ เพื่อใช้ในการประเมิน
5. เข้ารับการประเมิน
- ทีมงานจากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) หรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจะลงพื้นที่เพื่อตรวจประเมิน โดยพิจารณาจาก
- ผลการดำเนินงานตามเกณฑ์
- ความต่อเนื่องและความมุ่งมั่นในการพัฒนา
- หลักฐานและข้อมูลที่นำเสนอ
- การประเมินอาจรวมถึงการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องและการตรวจสอบสถานที่จริง
6. รับตราสัญลักษณ์
- หากผ่านเกณฑ์ องค์กรจะได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green ในระดับที่เหมาะสม (ทอง เงิน หรือทองแดง) พร้อมใบรับรอง ซึ่งมีอายุ 3 ปี
- หลังจากนั้น สามารถต่ออายุหรือยกระดับตราสัญลักษณ์ได้ โดยยื่นขอประเมินใหม่เมื่อครบกำหนด

ข้อแนะนำเพิ่มเติม
- ขอคำปรึกษา หากไม่แน่ใจในขั้นตอน สามารถติดต่อกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (กรมลดโลกร้อน) ผ่านโทรศัพท์ (0-2278-8400-19) หรืออีเมล saraban@dcce.mail.go.th เพื่อขอคำแนะนำ
- เริ่มจากเล็ก ๆ หากเป็นองค์กรขนาดเล็กหรือชุมชน สามารถเริ่มจากโครงการย่อย เช่น Green Office หรือ Green Residence ซึ่งมีเกณฑ์ที่ไม่ซับซ้อน
- ติดตามตัวอย่าง ศึกษาความสำเร็จจากหน่วยงานที่เคยได้รับตราสัญลักษณ์ เช่น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือโรงแรมที่เข้าร่วม เพื่อนำมาปรับใช้
บทสรุป
ตรา G-Green เป็นมากกว่าแค่เครื่องหมายรับรอง แต่เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อสร้างสังคมที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การได้รับตราสัญลักษณ์นี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำเร็จในระดับองค์กร แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการรักษาโลกใบนี้ให้คงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป หากทุกคนร่วมมือกัน ตรา G-Green จะเป็นพลังขับเคลื่อนที่นำพาไทยไปสู่การเติบโตสีเขียวอย่างแท้จริง