ตัดริบบิ้นกันไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับมาเลเซีย อันดับ 1 เจ้าตลาดยานยนต์แห่งเอเชีย เพิ่งเปิดตัว e.MAS 7 ไปดูกันดีกว่าว่าสเปคเป็นยังไง ราคาเท่าไร เจ๋งถึงขนาดนายกฯ มาเลเซียบอกจะนำมาใช้ต้อนรับแขกเลยนะ
เผยโฉมให้เห็นกันแล้วสำหรับ e.MAS 7 รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกภายใต้แบรนด์ โปรตอน (PROTON) และถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผลิตในประเทศมาเลเซีย ถือเป็นย่างก้าวที่น่าจับตาสำหรับ PROTON ซึ่งครองส่วนแบ่ง 19% ของรถยนต์มาเลเซีย
e.MAS 7 มีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 109,800 ริงกิต (ราว 8.2 แสนบาท) – 123,800 ริงกิต (ราว 9.2 แสนบาท) ซึ่งถือเป็นราคาที่ท้าชนคู่แข่งที่กำลังครองตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ตอนนี้คือ Tesla, BYD และ BMW ทั้งนี้ e.MAS 7 จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการต้นปีหน้า
Credit Reuters
โดยงานนี้ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เปิดเผยว่า จะนำรถ e.MAS 7 มาใช้เป็นรถประจำตำแหน่งสำหรับผู้นำประเทศที่เข้าร่วมการประชุมอาเซียน ซึ่งมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพในปีหน้า
“เราหวังว่าจะเป็นตัวอย่างให้กับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ว่า วันนี้เราต้องไม่ใช่แค่ผลิตรถยนต์ได้ แต่ต้องก้าวไปสู่การพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า และเป็นไปตามเป้าหมายประเทศในการลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์”
ส่องสเปค e.MAS 7
- มีแบตเตอรี่ให้เลือก 2 ขนาด ได้แก่ 49.52 kWh วิ่งได้ 345 กิโลเมตร และ 60.22 kWh วิ่งได้ 410 กิโลเมตร
- แบตฯ ทั้งสองรุ่นใช้เทคโนโลยีลิเธียมไอออนฟอสเฟต Aegis Short Blade ของ Geely
- เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 6.9 วินาที
*หมายเหตุ แบตฯ ลิเธียมไอออนฟอสเฟต เป็นแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่มีความจุสูง และสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
ทั้งนี้ การเปิดตัว e.MAS 7 เกิดขึ้นท่ามกลางการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดรถยนต์ของมาเลเซีย ซึ่เบียดแซงอินโดนีเซียขึ้นเป็นตลาดรถยนต์อันดับ 1 อาเซียน โดยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ยอดขายรถยนต์ใหม่แตะระดับ 664,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
Credit Reuters
เมื่อพลิกไปดูนโยบายอุตสาหกรรมยานยนต์ รัฐบาลมาเลเซียสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ผ่านแผน National Energy Transition Roadmap (NETR) ซึ่งตั้งเป้าหมายให้รถยนต์ไฟฟ้ามีสัดส่วน 15% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030
Credit Reuters
นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกมาตรการต่าง ๆ อาทิ จำกัดการนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าที่มีราคาต่ำกว่า 100,000 ริงกิต เพื่อสกัดรถยนต์ไฟฟ้าราคาถูก การยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าสำเร็จรูปจนถึงปี 2025 และสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบในประเทศจนถึงปี 2027
ที่มา: Reuters
Source : Spring News