News & Update

“โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” จุดเช็คอินใหม่ ต้นแบบสร้างพลังงานแสงอาทิตย์ยั่งยืนในชุมชนดงดิบ

โครงการปันแสง ณ หมู่บ้านดงดิบ หรือ “โคกอีโด่ย” ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี กับงานวิจัยสุดล้ำทางด้านพลังงานและการเกษตรมารวมกันอย่างลงตัว มีจุดเริ่มต้นจากพระผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่เสียดายแดด กำลังเป็นจุดเช็คอินในยุคก้าวสู่พลังงานสะอาด

แม้อยู่ไกลความเจริญ ระยะทางจาก กทม.กว่า 800 กิโลเมตร ใครได้มาสัมผัสเยี่ยมชมโคกอีโด่ย นอกจากได้เห็นท้องถิ่นธรรมชาติที่แวดล้อมด้วยดงดิบ เนินสูงและโคกที่แห้งแล้ง แต่วิถีชีวิตของผู้คนโคกอีโด่ยในสภาวะกดดันจากค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น แต่ชาวบ้านกลับอยู่ได้สบายๆ แบบพอเพียง นั่นเพราะพลังงานไฟฟ้าที่ใช้หมู่บ้านสามารถพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์ในโครงการปันแสง โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และภาคีเครือข่าย

พลังงานแสงอาทิตย์ ถูกแปรรูปเก็บสะสมด้วยแผงโซลาร์เซลล์กลายเป็นไฟฟ้าแจกจ่ายใช้ส่องสว่างไปทั่วพื้นที่อย่างเหลือเฟือจนมีเก็บสำรองไว้ใช้ในยามฟ้าปิด ไร้แสงอาทิตย์สาดส่อง

ความเป็นมาของโครงการดังกล่าว มาจากจุดเริ่มโดยพระผู้นำการเปลี่ยนแปลง พระปัญญาวชิรโมลี นพพร เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม ตำบลห้วยยาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี “แม้เราจะอยู่ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญแต่เราไม่ได้อยู่ไกลจากแสงแดดมากกว่าคนอื่นเลย แสงแดดนั้นให้ความเท่าเทียมแก่เราทุกคนเท่ากันหมด”

Solar Monk จุดติด แนวคิด “เสียดายแดด”

พระปัญญาวชิรโมลี (Solar Monk) ผู้จุดประกายนำแสงแดดมาเป็นพลังงานทดแทน ด้วยนวัตกรรมการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ โดยความคิดเปลี่ยนนี้มาจาก “ความเสียดายแดด” และขยับไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ในด้านอื่นๆ ให้ดีขึ้น กระทั่งคนท้องถิ่นบ้านนอกอยู่ห่างไกลเขตเมืองมีความมั่นคงด้านพลังงานสามารถพึ่งพาตนเองได้

แนวคิดเสียดายแดดของพระคุณท่าน ทำให้วัดป่าศรีแสงธรรม มีไฟฟ้าเหลือใช้ แล้วลากโยงส่งต่อให้ชุมชนได้เข้าถึงแสงสว่างยามค่ำคืนจากพลังงานทดแทน จนเปลี่ยนบ้านโคกอีโด่ยกลายเป็น “โคกอีโด่ยวัลเลย์” ณ วันนี้ ที่ชวนทุกคนเข้ามาเช็คอิน

พระปัญญาวชิรโมลี เล่าว่า ในช่วงแรกโซลาร์เซลล์ถูกนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับใช้ภายในโรงเรียนศรีแสงธรรม หรือโรงเรียนพลังงานแสงอาทิตย์ เพราะโรงเรียนแห่งนี้ขับเคลื่อนการพัฒนาทั้งในโรงเรียนและชุมชนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ แล้วต่อยอดเป็นสิ่งประดิษฐ์ใช้ในด้านการเกษตร เช่น เครื่องสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ รถเข็นนอนนาพลังงานแสงอาทิตย์ รวมถึงพัฒนาเป็นอาชีพรับติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในนาม “ช่างขอข้าว” เพื่อนำรายได้กลับมาใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ ของโรงเรียน

โรงเรียนศรีแสงธรรม เป็นต้นแบบจาก “ทฤษฎี” สู่ “การปฏิบัติ” ว่าด้วยการขับเคลื่อนเทคโนโลยี 4.0 โดยก่อตั้งเมื่อปี 2553 เป็นอีกโรงเรียนหนึ่งที่อยู่ชายขอบ ห่างไกลจากความเจริญ เปิดสอนทั้ง ม.ต้น-ปลาย ให้กับนักเรียนขาดแคลนโอกาส มาเรียน“ฟรี” ไม่มีค่าใช้จ่าย ขอเพียงให้ตั้งใจมุ่งมั่นเท่านั้น

พระนักพัฒนาแสงอาทิตย์ บอกว่า โจทย์การตั้งโรงเรียนมาจาก “ความขาดแคลนโอกาส”ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนทั้งประเทศ จึงเป็นแรงขับเคลื่อนความมุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อทำให้ผู้คนมีชีวิตที่สะดวกสบายมากขึ้นและตั้งอยู่บนหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งจะเป็นคำตอบของการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนต่อตัวเองและโลกอย่างแท้จริง แล้วเด็กขาดแคลนโอกาสของบ้านดงดิบได้เรียนหนังสือฟรี

เมื่อตกผลึกความคิดแจ่มชัดก็มุ่งเดินหน้าตามแนวทาง “ททท” หมายถึง “ทำทันที” ถึงยากลำบากก็ไม่ยอมเสียเวลาเปล่า ถึงไร้คนสนใจ เพราะเป็นเรื่องไม่ปกติมาก่อนที่ “พระ” จะมาสร้าง “โรงเรียน” ทำให้ไม่ได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากนัก เนื่องจากไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ที่จะสร้างโรงเรียนด้วยแนวคิดนี้

แม้ถูกปฏิเสธจากที่ต่างๆ กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ตอกย้ำว่าทุกอย่างเป็นไปได้ถ้า “ลงมือทำ” เมื่อไม่มีเงินสร้างอาคารเรียน พระและเด็กๆ ก็ตัดสินใจสร้าง “ห้องเรียนบ้านดิน” เพื่อใช้เป็นอาคารเรียน สามารถนั่งเรียนได้ ซึ่งไม่แย่มากนัก แล้วปัญหาใหม่เริ่มเข้ามาท้าทายอีก คือมีที่เรียนแต่กลับไม่มีอุปกรณ์การสอน

“มองออกไปมีแค่ “แดด” เท่านั้น เกิดความ “เสียดายแดด” ว่าควรใช้ให้เป็นประโยชน์ ประกอบกับตอนนั้นมีแผ่นโซล่าร์เซลล์แตกๆ ที่ได้รับบริจาคมา จึงใช้ความรู้ทางช่างที่มีอยู่บ้าง ซ่อมแผ่นโซลาร์เซลล์แตกๆ จนสามารถใช้ได้ และกลายเป็นจุดเริ่มที่สำคัญที่เด็กๆ ได้รู้จัก “ โซล่าร์เซลล์” และต่อยอดเป็นสิ่งประดิษฐ์และโครงงานต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้ในเรื่องทั้งพลังงานในพื้นไฟฟ้าเข้าไม่ถึงและการเกษตร ซึ่งเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวคนยากคนจนมากที่สุด”

ผสานความร่วมมือ กฟผ. ต่อยอดเป็นต้นแบบพลังงานสะอาด

พอเห็นข้อจำกัดของระบบผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ที่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้เพียงบางช่วงเวลา ประกอบกับเมื่อมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในจุดต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ทำให้พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้มีมากเกินความต้องการ จึงได้ผสานพลังความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำระบบไมโครกริดและระบบบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าเข้ามาประยุกต์ใช้แก้ปัญหา แล้วกระจายไปสู่พื้นที่นำร่อง 4 แห่งของบ้านดงดิบ ซึ่งประกอบด้วยโรงเรียนศรีแสงธรรม วัดป่าศรีแสงธรรม โรงเรียนบ้านดงดิบ และศูนย์เด็กเล็กบ้านดงดิบ

ระบบบริหารจัดการพลังงานที่ กฟผ. พัฒนาขึ้นยังสามารถควบคุมการเปิด-ปิดระบบปรับอากาศ การปรับอุณหภูมิแบบอัตโนมัติเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาพรวม พบว่าเมื่อติดตั้งเทคโนโลยีจัดการพลังงานแล้วสามารถช่วยลดค่าไฟฟ้าให้กับโรงเรียนศรีแสงธรรมได้มากถึงร้อยละ 40 หรือลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 8 ตันคาร์บอนต่อปีเลยทีเดียว

ด้วยความสำเร็จเล็กๆ ของโครงการพัฒนาที่เริ่มจากตั้งโรงเรียนเพื่อผู้ขาดแคลนโอกาส เพื่อเด็กท้องถิ่นห่างไกลได้รับการศึกษา กระทั่งโรงเรียนศรีแสงธรรมเป็นต้นแบบการพัฒนา เปลี่ยนโคกอีโด่ยแห็งแล้งกลายเป็น“โคกอีโด่ยวัลเลย์” มีการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ เกิดกิจกรรมปลูกผักสวนครัวใต้แผงโซลาร์เซลล์ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร นี่คงเป็นภาพสะท้อนถึงการก่อรูปความคิดใหม่ แล้วชุมชนยอมรับเป็นไปได้

วิถีชุมชน “บวร”ประสานขยายการพัฒนายั่งยืน

ต้นแบบการพัฒนาอันท้าทายจากโรงเรียนศรีแสงธรรม เริ่มซึมซับเชื่อมประสานเกิดหลักคิดใหม่ในการพัฒนาตามแนวทาง “บวร” คือบ้าน (ชุมชน) วัด โรงเรียน-ราชการ ได้ร่วมกันผนึกตั้งศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีพลังงานและการเกษตรโคกอีโด่ยวัลเล่ย์ เป็นศูนย์เรียนรู้ฝึกอบรม ถ่ายทอดความรู้การเก็บ แก้ปัญหาพลังงานระบบโซลาร์เซลล์

โดยหลักสูตรอบรมนี้เน้นการใช้งานโซลาร์เซลล์เพื่อการเกษตร และพื้นที่ห่างไกลไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง อีกทั้งเป็นหลักสูตรสำหรับบ้านพักอาศัย เชื่อมต่อกับไฟของการไฟฟ้า เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายที่นับวันจะสูงขึ้น สิ่งนี้สะท้อนถึงการพัฒนาแนวคิดใหม่ได้กระจายจากโรงเรียนสู่ชุมชน เข้าถึงบ้าน และยังดึงหน่วยงานรัฐเข้ามาให้ความช่วยเหลือ

ต่อมา “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” ดังไปไกลถึงจังหวัดภาคเหนือและบนดอยหลายแห่ง เพราะมีสภาพไม่แตกต่างจากอีสานถิ่นไกลรอยตะเข็บเส้นเขตแดนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ดังนั้นชุมชนบนดอยติดต่อให้ไปช่วยแก้ปัญหา แบ่งปันความรู้

“ทีมงานเดินทางข้ามเขาหลายชั่วโมงกว่าจะถึง แต่ก็คงจะไปให้ทุกที่ไม่ได้ จึงจำเป็นต้องจัดสื่อการสอนเป็นคลิปวีดิโอ และสื่อการสอน ให้ผู้เข้าอบรมได้สัมผัสจริง ซึ่งจะได้ผลกว่าการเรียนในตำราอย่างเดียว”

ไม่เพียงเท่านั้น นอกศูนย์การเรียนรู้ฯ ได้ออกแบบระบบโซลาร์ปันแสง โดยใช้พื้นที่ทำการเกษตรใต้แผ่นโซลาร์เซลล์ สามารถผลิตพลังงานไปพร้อมกับการทำงานเกษตร ซึ่งมี 2 ลักษณะคือ พืชผักกับโซลาร์เซลล์แบ่งปันพลังงานกัน และการแบ่งปันพลังงานไฟฟ้าที่เก็บในแบตเตอรี่เอามาใช้ภายในวัด และติดตั้งเครื่องแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ให้กับชุมชนหรือชาวบ้าน ที่สนใจเข้าร่วมโครงการขับเคลื่อนการขจัดความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

โดยนวัตกรรม “ปลูกผักใต้แผงโซลาร์เซลล์” ที่จะทำการทดลองปลูกพืชแบบ agrivoltaics ในพื้นที่ “โคก หนอง นา โมเดล” โครงการนี้เกิดขึ้นด้วยความร่วมมือระหว่าง สวทช. กฟผ. กฟภ. และวัดป่าศรีแสงธรรม ภายใต้ชื่อ Agrivoltaics หรือ agrophotovoltaics ซึ่งมี ผศ.ดร.ชำนาญ บุญญาพุทธิพงศ์ เป็นผู้ออกแบบอาคาร ที่นี่จึงเป็นแหล่งทดสอบ ทดลองงานทางด้านเทคโนโลยีพลังงาน กับการเกษตรอย่างยั่งยืน หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์”

เนื้อหาน่าสนใจ :  มองโอกาสตลาด ‘โซลาร์เซลล์ไทย’ ที่อาจมีมูลค่ามากกว่า 6 หมื่นล้าน!

ทั้งหมดทั้งปวงของ “โคกอีโด่ยวัลเล่ย์” เริ่มจากความมุ่งมั่นตั้งโรงเรียนเพื่อคนขาดแคลนโอกาส อีกทั้งเกิดความ “เสียดายแดด” ซึ่งส่องแปลวแสงจ้าในท้องถิ่นอีสาน พระปัญญาวชิรโมลี พระนักพัฒนาเกิดความคิดใหม่เพื่อเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หรือโซลาร์เซลล์เป็นหนึ่งในพลังงานทางเลือกของการผลิตไฟฟ้ายุคใหม่ ของของบ้านดงดิบ

กุญแจสำคัญทำให้การใช้พลังงานของบ้านดงดิบ มีต้นทุนต่ำ และนำมาใช้ได้อย่างไม่มีวันหมด ยังนำไปสู่แก้ไขโจทย์ที่สำคัญของโลกใบนี้ คือการสร้างความเท่าเทียม พร้อมเป็นพื้นที่เกษตรวิถีใหม่สามารถปลูกพืช ผัก ภายใต้พลังงานจากแสงแดด

นี่คือต้นแบบของพลังงานสะอาดของชุมชน ที่เกิดจากจุดเริ่มต้นแนวคิดของพระผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง พระนักพัฒนาที่ซึมซับข้อมูลในพื้นที่แล้วผลักดัน ผนึกขอความร่วมมือจากองค์กรภายนอกชุมชนมาพัฒนาคุณภาพชีวิต แล้วแปรรูปการพัฒนาเป็นวิถี “บวร” เชื่อมประสานเกิดศูนย์เรียนรู้ฯ เพื่อชุมชนห่างไกลได้เข้าถึงพลังงานทดแทนและเท่าเทียม

ทุกวันนี้ หมู่บ้านดงดิบและวัดป่าศรีแสงธรรม นับเป็นพื้นที่ต้อนรับข้าราชการและองค์กรต่างถิ่น แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรีก็ยังไปเยี่ยมชม รับรู้แนวทางการแก้ปัญหาที่เกิดจากพระนักพัฒนาที่มีแต่ความมุ่งมั่นต้องการช่วยคนยากจน

อ้างอิง
เพจเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/sisaengtham.ac.th/
มูลนิธิสัมมาชีพ https://www.right-livelihoods.org/

Source : MGROnline

ส่งเสริมปลูกข้าวควบคู่ขายคาร์บอนเครดิตเพิ่มรายได้ สุพรรณบุรีโมเดลนำร่อง

การทำเกษตรกรรมปลูกข้าวปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ จึงได้มีการทำนารักษ์โลกเป็นการปลูกข้าวแบบใหม่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และยังมีการสนับสนุนให้ทำควบคู่ไปกับการขายคาร์บอนเครดิต เป็นการเพิ่มรายได้อีกทาง ซึ่งเริ่มแล้วที่สุพรรณบุรีเป็นโมเดลนำร่อง กรมการข้าว ได้ส่งเสริมเกษตรกรทำความเข้าใจและเห็นประโยชน์ของตลาดคาร์บอนเครดิต ซึ่งนอกจากจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อนแล้ว ยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอีกทาง โดยได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยี องค์ความรู้ต่างๆ เพื่อเป็นทางเลือกในการประกอบอาชีพสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับเกษตรกร…

ปตท.สผ. ลั่น 1 เม.ย. 2567 ก๊าซฯแหล่งเอราวัณกลับมาผลิตได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันแน่นอน

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ยืนยันพร้อมกลับมาผลิตก๊าซธรรมชาติในแหล่งเอราวัณให้ได้ตามสัญญา 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ภายในวันที่…

Leave a Reply