ช่วงนี้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนกำลังได้รับความนิยมในบ้านเราเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้ามองทั้งตลาดโลกแล้ว จะพบว่ารถยนต์ไฟฟ้าจีนครองตลาดรถ EV กว่าครึ่งกันเลยทีเดียว ซึ่งในบทความนี้จะมาเล่าให้ฟังว่า เหตุผลอะไรที่รถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ถึงมาแรงมาก เรียกได้ว่าสะเทือนวงการรถยนต์ทั่วโลกกันเลยทีเดียว และในบ้านเราก็มีการปรับลดราคาลงกันอย่างต่อเนื่อง เล่นเอาผู้บริโภคคิดหนักเลยว่าจะซื้อก่อนไปเลย หรือว่าซื้อทีหลังประหยัดกว่าดี
เหตุผลที่ 1 : จีนเป็นผู้นำการพัฒนา วิจัยและผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า
บริษัทรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ๆ ในจีน ได้มีการคิดค้นและพัฒนาแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ซึ่งต้องบอกว่าจีนสามารถผลิตได้จำนวนมาก และผลิตได้เร็วมากที่สุดในโลก รวมถึงสามารถทำราคาได้ถูกทึ่สุดอีกด้วย โดยจีนมีการถือสัมปทานแร่โคบอลต์กว่า 70% ของโลก เป็นรายใหญ่ที่สุดในขณะนี้ และยังในจีนก็ยังมีกำลังการผลิตแร่ลิเธียมราวๆ 46% จากเหมืองแร่ทั่วโลก ซึ่งดูจากตัวเลขนี้จะพบว่า จีนมีความได้เปรียบในเรื่องของการผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถ้าดูตัวเลขกำลังการผลิตของจีน เทียบกับอเมริกานั้น จะแตกต่างกันมากถึง 10 เท่ากันเลยทีเดียว จนมีกำลังการผลิต 558,000,000 KWh ส่วนอเมริกาทำได้ที่ 44,000,000 kWh เท่านั้น ซึ่งถ้าคำนวณการผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้น จีนจะสามารถผลิตได้มากถึง 9.3 ล้านคันต่อปี และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
เหตุผลทึ่ 2 รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน
รัฐบาลจีนเป็นผู้สนับสนุนรายให้ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ซึ่งไม่ใช่เพิ่งสนับสนุน แต่สนับสนุนมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนเงินอุดหนุน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมีมาตรฐานลดหย่อนภาษีเข้ามาสนับสนุนอีกด้วย สาเหตุที่ทางรัฐบาลจีนได้ก้าวเข้ามาสนับสนุน ก็เป็นเพราะว่าในอดีต จีนมีปัญหาเรื่องมลพิษทางอากาศเป็นอย่างมาก รวมถึงต้องมีการพึ่งพาน้ำมันจากต่างประเทศอีกด้วย ดังนั้นจึงได้มีการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้น โดยส่งเสริมให้มีการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ รวมถึงเรื่องของการวิจัยและพัฒนา ซึ่งทำให้มีการวิจัยและพัฒนาไปได้เร็วมากๆ และยังได้รับการอุดหนุนเงินในรถทุกคันที่มีการจำหน่ายออกไปอีกด้วย
นอกจากจะมีการสนับสนุนในฝั่งบริษัทผู้ผลิตรยนต์ไฟฟ้าแล้ว รัฐบาลจีนยังสนับสนุนในฝั่งผู้บริโภคอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดต่างๆ ในการชาร์จไฟ สิทธิในการจดรถ ซึ่งสนับสนุนมาจนถึงปี 2022 ทำให้รถยนต์ในประเทศจีนราวๆ 50% เป็นรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงมีสถานีชาร์จในประเทศจีนเกิดขึ้นมากมาย ซึ่งถ้าพูดถึงตัวเลขที่รัฐบาลจีนมีการสนับสนุน ก็จะมีมูลค่าราวๆ 534,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับภาคอุตสาหกรรม
เหตุผลที่ 3 อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในจีน
การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนนั้น ต้องบอกว่าเป็นอุตสาหกรรมแบบครบวงจร ทำให้สามารถควบคุมได้ทั้งต้นทุน คุณภาพ รวมถึงการพัฒนาและวิจัยในทุกๆ ด้านที่เกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนก็ทำกันตั้งแต่จุดแร่ลิเทียม จากนั้นก็จะทำการแปรรูป เพื่อนำไปผลิตแบตเตอรี่ ส่งต่อไปประกอบเข้ากับรถยนต์ไฟฟ้า ตัวอย่างบริษัทที่สามารถทำได้ครบวงจรแบบนี้ได้ ก็เช่น บริษัท CATL ซึ่งหลายท่านก็น่าจะทราบดีกว่าเป็นบริษัทใหญ่ของจีนที่ครองส่วนแบ่งการผลิตแบตเตอรี่สูงถึง 34.8% โดยมีลูกค้าแบรนด์รถยนต์รายใหญ่ๆ ของโลกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Honda, Tesla, Toyota, BMW และ Volvo เป็นต้น ซึ่งการที่บริษัทในจีนสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้แบบครบวงจร ทำให้มีต้นทุนที่ต่ำ และสามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้รวดเร็ว รวมสามารถทำวิจัยและพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
เหตุผลที่ 4 ตลาดใหญ่ ที่มีการวิจัย ทดสอบ และพัฒนา
ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนถือว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก ทำให้บริษัทสามารถทดสอบ และเก็บข้อมูลการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าได้มาก เพื่อนำไปวิจัย และพัฒนาได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย ทำให้เราจะเห็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ชาร์จ 1 ครั้งสามารถวิ่งได้ระยะทางที่มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงการคิดค้นและพัฒนาออปชั่นใหม่ๆ ใส่เข้ามาในรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย รวมถึงการพัฒนาในส่วนของการสลับแบตเตอรี่ เพื่อแก้ปัญหาการรถชาร์จที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน ซึ่งก็มีบริษัทอย่าง NIO ที่กำลังพัฒนาระบบสลับแบตเตอรี่ในจีน และยังมีการพัฒนาระบบที่มีชื่อว่า NIO Pilot จัดอยู่ในระบบกึ่งอัตโนมัติในระดับสองของสมาคมวิศวกรรมยานยนต์นานาชาติหรือ SAE (Society of Automotive Engineers) ที่มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver Assistance Systems: ADAS) โดย NIO ถือว่าเป็นบริษัทคู่แข่งของ Tesla เลยก็ว่าได้ เพราะเน้นการผลิตรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม การดีไซน์รถก็จะออกไปในแนวสปอร์ตแบบเดียวกับ Tesla รวมถึงมีการพัฒนาะบบขับขี่อัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง
เหตุผลที่ 5 ราคาและออปชั่นแบบจัดเต็ม
รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมีการลดราคาอย่างต่อเนื่อง โดยที่ออปชั่นต่างๆ ยังอยู่ครบ เรียกได้ว่า ผู้บริโภคที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ นอนไม่หลับกันเลยทีเดียว จนกลายเป็นข่าวดังในบ้านเราอยู่สักระยะหนึ่ง และยังมีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการปรับลดราคานี้ เรียกว่าส่งผลต่อตลาดรถยนต์ในบ้านเราเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตลาดรถน้ำมันมือสอง ที่ทำเอาขายยากมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเทียบกับรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว รถยนต์ไฟฟ้าถูกกว่าคุ้มกว่า และยังส่งผลถึงต่อบริษัทรับประกันภัยรถยนต์อีกด้วย ที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันกันใหม่
แม้ว่าจะมีการปรับราคาลดลงแล้ว แต่ออปชั่นต่างๆ ที่ให้มานั้นเทียบกับรถญี่ปุ่น ก็ถือว่าให้มามากกว่า คุ้มค่ากว่า และการออกแบบภายในรถยนต์ไฟฟ้าจากจีนนั้นก็ดูทันสมัย แม้ว่าการออกแบบรถยังมีบางรุ่นที่ยังไม่ค่อยโดนใจบ้าง โดยส่วนใหญ่ก็ออกแบบได้สวยและน่าใช้กว่าเดิมมาก และทำให้รถยนต์ญี่ปุ่น รถยุโรปก็มีการปรับราคาลงตามมาเช่นเดียวกัน ในไทยอาจจะไม่ได้ปรับเยอะมากเท่าไหร่ แต่รถน้ำมันในจีนจากญี่ปุ่นนั้น ปรับราคาลดหนักมาก ในเรื่องของราคาก็ส่งผลดีต่อผู้บริโภคที่ยังไม่ได้ซื้อ แต่สำหรับคนที่ซื้อไปแล้วก็อาจจะรู้สึกผิดหวังกันบ้าง ผิดกับคำที่เคยพูดกันในช่วงรถยนต์ไฟฟ้าออกมาขายใหม่ๆ ว่า ซื้อก่อนประหยัดก่อน ตอนนี้ต้องเปลี่ยนไปเป็น ซื้อทีหลังประหยัดกว่า กันแล้ว
และทั้งหมดนี้ก็เป็นเหตุที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนมาแรง แซงมาเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ก็คงต้องตามกันดูต่อไปว่า ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ค่ายรถยนต์ยุโรป ซึ่งเคยเป็นเจ้าใหญ่ในโลก จะปรับตัวกันอย่างไร ที่แน่ๆ ตอนนี้บริษัทรถจากจีนยังไม่หยุดการพัฒนา และในอนาคตเราคงได้มีโอกาศใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้ไกลขึ้น ราคาถูกลง อาจจะเข้าสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้าใช้แล้วเปลี่ยนใหม่ทุกปีแบบเดียวกับมือถือก็เป็นได้