Highlight & Knowledge

เอลนีโญ 2566 น่ากลัวมั้ย? มีแผนอะไรรองรับบ้าง?

ปรากฏการณ์ เอลนีโญ (El Nino) เริ่มต้นกันแล้วตั้งแต่ช่วงเดือน มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะขึ้นในระยะเวลายาวนานกว่า 15 เดือน ซึ่งความรุนแรงที่ประเมินกันไว้อยู่ในระดับสูง ถึงสูงมาก ซึ่งประเทศไทยในขณะนี้ได้มีการบริหารงานน้ำโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแล้ว กรรมการสมาคมนักอุทกวิทยาไทย ได้วิเคราะห์จากข้อมูลเอลนีโญ 72 ปี ความยาวนานที่เคยเกิดขึ้นจะไม่เกิน 19 เดือน และเมื่อเปรียบเทียบปรากฏการณ์เอลนีโญ กับวิเคราะห์ปริมาณฝนทั้งระดับประเทศ และรายภาค พบว่า ปี 2565 ตั้งแต่เดือน มี.ค.-มิ.ย.2565 ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าค่าปกติแต่น้อยกว่าเดิมไม่มาก และปริมาณน้ำฝนจะเพิ่มขึ้น ในเดือนส.ค.-ต.ค. ซึ่งในช่วงนั้นบางปี อย่างปีที่ผ่านมาฝนมากกว่าค่าปกติ

เอลนีโญ

เอลนีโญ (El Nino) คืออะไร?

เอลนีโญ (El Nino) คือ ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแบบหนึ่ง ที่เกิดจากกระแสลมมีกำลังอ่อนและเปลี่ยนทิศทาง โดยมีการพัดจากทางด้านตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก ไปยังทางด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งจะทำให้กระแสน้ำอุ่นไหลไปยังทวีปอเมริกาใต้แทน ปรากฏการณ์เอลนีโญจะส่งผลทำให้พื้นที่บริเวณทวีปเอเชียและทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนียประสบกับสภาวะแห้งแล้งขึ้น ในขณะที่ทวีปอเมริกาใต้จะเกิดฝนตกชุก หรืออธิบายง่ายๆ ได้ว่า ถ้าประเทศไทยเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญขึ้น ประเทศไทยก็จะเกิดปัญหาความแห้งแล้ง หรือประสบปัญหาภัยแล้งนั่นเอง

ลักษณะของเอลนีโญ นั้นสามารถสรุปได้ดังนี้

  • การอุ่นขึ้นผิดปกติของผิวน้ำทะเล
  • กระแสน้ำอุ่นที่ไหลลงทางใต้ตามชายฝั่งประเทศเปรู
  • เกี่ยวข้องกับอุณหภูมิผิวน้ำทะเลที่สูงขึ้นทางด้านตะวันออก และตอนกลางของแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร
  • ปรากฏตามชายฝั่งประเทศเอกวาดอร์ และเปรูเหนือ (บางครั้งประเทศชิลี)
  • เชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศที่ระดับน้ำทะเล
  • เกิดร่วมกับการอ่อนกำลังลงของลมค้าที่พัดไปทางทิศตะวันตกบริเวณแปซิฟิกเขตศูนย์สูตร
  • เวียนเกิดซ้ำแต่ช่วงเวลาไม่สม่ำเสมอ
  • เกิดแต่ละครั้งนาน 15 – 19 เดือน

เอลนีโญ 2566 เกิดขึ้นนานแค่ไหน?

จากข้อมูลที่มีการเผยแพร่ออกมาเกี่ยวกับปรากฏการณ์เอลนีโญ พบว่าจะมีระยะเวลานาน 15 – 19 เดือน สำหรับในประเทศไทยมีการประกาศเอาไว้ว่าเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน 2566 ที่ผ่านมานี้แล้ว และคาดว่าจะเกิดขึ้นแบบชัดเจนในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งทางหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคอากาศสหรัฐอเมริกา ได้มีการคาดหมายเอาไว้ว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญในรอบนี้จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมีนาคม 2567 และจะมีระดับความรุนแรงมากในช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน 2566 นี้ และค่อยๆ ลดความรุนแรงลงในช่วงต้นเดือนปีหน้าในเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 และเข้าสู่สภาวะปกติในช่วงเดือนมีนาคม 2567

ขนาดของเอลนีโญ ก็จะแบ่งเป็นได้ 3 ระดับด้วยกัน

ขนาดรุนแรงมาก– ปริมาณฝนสูงมากที่สุด มีน้ำท่วม และเกิดความเสียหายในประเทศเปรู มีบางเดือนในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงของซีกโลกใต้ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งสูงกว่าปกติมากกว่า 7oซ.

ขนาดรุนแรง – ปริมาณฝนสูงมาก มีน้ำท่วมตามบริเวณชายฝั่ง มีรายงานความเสียหายในประเทศเปรู มีหลายเดือนในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงของซีกโลกใต้ที่อุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งสูงกว่าปกติ 3 – 5 oซ.

ขนาดปานกลาง – ปริมาณฝนสูงกว่าปกติ มีน้ำท่วมตามบริเวณชายฝั่ง ความเสียหายที่เกิดขึ้นในประเทศเปรูอยู่ในระดับต่ำ โดยทั่ว ๆ ไปอุณหภูมิผิวน้ำทะเลบริเวณชายฝั่งในช่วงฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกใต้จะสูงกว่าปกติ 2 – 3 oซ.

ผลกระทบ และแผนการรองรับในไทย

ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ่ จะเกิดขึ้นกับภาคเกษตรมากที่สุด เพราะมีการใช้น้ำมากที่สุด โดยในภาคเกษตรนั้นมีการใช้น้ำสูงถึง 40 – 60 % ของปริมาณการใช้น้ำในประเทศ ซึ่งในประเทศไทยเรามีการจัดการบริหารเรื่องน้ำแยกออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ น้ำบนฟ้า จะเป็นหน้าที่ของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งจะมีการใช้เทคโนโลยีเข้ามาสร้างแบบจำลองที่มีความแม่นยำสูงและเป็นที่ยอมรับ อีกส่วนหนึ่งจะเป็นน้ำบนดิน จะเป็นหน้าที่ของทางกรมชลประทาน ซึ่งก็ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาจัดการเช่นกัน โดยจะเครื่องตรวจวัด มีการคำนวณการแปลงน้ำบนฟ้ามาเป็นน้ำบนดินออกมาเป็นสัดส่วนเท่าไหร่ และจะต้องมีการปล่อยน้ำเข้าสู่พื้นที่เกษตรมากน้อยขนาดไหน โดยมีการประเมินโดยใช้เทคโนโลยีเอไอ ควบคุมการปล่อยน้ำในเขื่อน เพื่อปรับปริมาณการปล่อยน้ำที่จะเข้าสู่พื้นที่การเกษตรในระดับที่เหมาะสม อีกทั้งยังต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ทางภาครัฐก็ได้มีการจัดการบริหารเรื่องน้ำมาโดยตลอด เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคเกษตรซึ่งใช้น้ำมากที่สุดในประเทศไทย

นอกจากนี้ยังมีการเรื่องของการสร้างคลองเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ให้ได้ตลอดปีอีกด้วย รวมถึงในภาคเกษตรก็จะมีคำแนะนำเรื่องของการปลูกพืชแบบใหม่ที่มีการใช้น้ำน้อยให้กับทางเกษตรกรอีกด้วย เพื่อช่วยลดผลกระทบจากภัยแล้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้

อย่างไรก็ตามการจัดการบริหารน้ำนั้นก็จะสามารถช่วยทางภาคเกษตรได้ดีในเฉพาะบริเวณที่ใกล้แหล่งชลประทานเป็นส่วนใหญ่ ส่วนภาคเกษตรที่อยู่ห่างไกลจากแหล่งชลประทานก็อาจจะต้องปรับเปลี่ยนการปลูกพืชที่ใช้น้ำมาก ไปปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อยแทน และในอนาคตอาจจะมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะมาเปลี่ยนน้ำเค็มจากทะเลมาเป็นน้ำจืดเพื่อนำมาใช้ในภาคเกษตรเพิ่มเติม แต่ในตอนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงของการศึกษาหาข้อมูลเท่านั้น และยังไม่ได้มีการเปิดโครงการอย่างเป็นทางการสำหรับภาคเกษตรแต่อย่างใด

คำแนะนำในช่วงนี้ก็ให้ประชาชนโดยเฉพาะเกษตรกรให้ติดตามข้อมูลข่าวสารต่างๆ จากทางภาครัฐ ซึ่งหน่วยงานต่างๆ ก็จะมีการเผยแพร่ข้อมูลให้ทราบอยู่ตลอด พร้อมคำแนะนำต่างๆ ส่วนประชาชนทั่วไป ตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ที่ชัดเจน โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ที่มีระบบการจัดการแหล่งน้ำที่ดีอยู่แล้ว ส่วนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ก็สามารถเตรียมการด้วยตัวเองได้ เช่น หาที่กักเก็บน้ำไว้ใช้ด้วยตัวเอง โดยเมื่อฝนตกก็สามารถกักเก็บน้ำได้เองทันที โดยให้ประเมินการใช้น้ำของตัวเอง และกักเก็บตามความเหมาะสม

อ้างอิงข้อมูลจาก : กรมอุตุนิยมวิทยา

เนื้อหาน่าสนใจ :  รู้จักแบตรุ่นใหม่ล่าสุด "Tectrans" สำหรับรถบรรทุกไฟฟ้า อายุการใช้งาน 1.5 ล้าน กม. ใช้นาน 15 ปี

มีพื้นที่ปลูกต้นไม้ จะขายคาร์บอนเครดิตอย่างไร ? วิธีสร้างรายได้ ทำอย่างไร ?

มีพื้นที่ปลูกต้นไม้จะขายคาร์บอนเครดิตอย่างไร? สำหรับ ผู้ที่สนใจอยากจะเข้าเทรนด์ รักษ์โลก รักษ์สิ่งแวดล้อมและ Keep The World ในประเด็น การขายคาร์บอนเครดิต…

แนะนำแอพ Yindii ช่วยลดขยะจากอาหาร ลดโลกร้อน

หลายคนยังไม่ทราบว่า มีแอพสั่งอาหารแปลกๆ อยู่ด้วย ซึ่งไม่ได้เพิ่งมีนะ แต่มีมาตั้งแต่ปี 2020 แล้ว ซึ่งแอพนี้มีชื่อว่า Yindii อ่านว่ายินดี…

EcoFlow Power Hat หมวกโซลาร์เซลล์ เดินไปชาร์จมือถือไป

ECOFLOW ผู้ผลิตเครื่องจ่ายไฟที่มีแบตเตอรี่ในตัว เครื่องผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ สำหรับการใช้งานกลางแจ้งและนอกสถานที่ชื่อดัง ได้เปิดตัวสินค้าใหม่ล่าสุดในชื่อ EcoFlow Power Hat หรือหมวกโซลาร์เซลล์ ซึ่งเป็นการผสมผสานเอานวัตกรรมเรื่องพลังงานมาเข้ากับแฟชั่น…

Leave a Reply