Highlight & Knowledge

10 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับที่มาและตลาดคาร์บอนเครดิต / ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการณ์

คาร์บอนเครดิต เป็นเรื่องที่กำลังได้รับความสนใจในวงกว้าง โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่เห็นว่า ในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศได้กำหนดให้มีการใช้กลไกทางตลาดในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเปิดโอกาสให้เกิดการซื้อขาย และการใช้คาร์บอนเครดิตในการบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและการตอบสนองต่อการบรรลุการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC)

การทำความเข้าใจถึงที่มาและกลไกทางตลาดในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงรูปแบบของตลาดคาร์บอนเครดิต จึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และในที่นี้ จะเป็น 10 ข้อควรรู้เบื้องต้น เกี่ยวกับที่มาและตลาดคาร์บอนเครดิต

  • อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) ถูกริเริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1992 เพื่อวางเป้าหมายการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในภาพรวม โดยกำหนดให้ประเทศที่พัฒนาแล้ว เป็นผู้นำร่องในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมให้มีการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา
  • พิธีสารเกียวโต ภายใต้กรอบ UNFCCC ถูกจัดทำขึ้นในปี ค.ศ.1997 เพื่อกำหนดกลไกการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายอันเป็นข้อผูกพันตามกฎหมายสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีพันธกรณีช่วงแรก ในระหว่างปี ค.ศ.2008-2012 และขยายเป็นพันธกรณีช่วงที่สอง ในระหว่างปี ค.ศ.2013-2020 โดยการแก้ไขเพิ่มเติมโดฮา
  • ความตกลงปารีส ภายใต้กรอบ UNFCCC ถูกจัดทำขึ้นในปี ค.ศ.2015 ให้มีผลบังคับแทนที่กลไกพิธีสารเกียวโต เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในการกำหนดพันธกรณี จากเดิมที่ผูกพันเฉพาะสำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว มาเป็นการกำหนดเป้าหมายร่วมกันของรัฐภาคีทั้งหมด ทั้งประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา
  • ประเทศไทยได้เข้าร่วมเป็นภาคีในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ทั้ง UNFCCC (ในปี ค.ศ.1994) พิธีสารเกียวโต (ในปี ค.ศ.2002) การแก้ไขเพิ่มเติมโดฮา (ในปี ค.ศ.2015) และความตกลงปารีส (ในปี ค.ศ.2016)
  • โดยที่ประเทศไทยไม่ได้จัดอยู่ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วในภาคผนวก 1 ของ UNFCCC อันเป็นผลให้ไม่เป็นประเทศที่มีข้อผูกพันในภาคผนวก B ตามพิธีสารเกียวโต จึงไม่มีเป้าหมายในการดำเนินการที่เป็นข้อผูกพันตามกฎหมาย
  • จนกระทั่งการบังคับใช้ความตกลงปารีส ซึ่งกำหนดให้ทุกประเทศต้องเสนอแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อบรรลุการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDC) ประเทศไทยจึงได้แถลงว่า จะมีเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ.2030 (หากได้รับการสนับสนุนระหว่างประเทศ) และวางเป้าหมายการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ.2050 รวมทั้งการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ.2065
  • ประเทศไทยกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ ภายใต้ความตกลงปารีส โดยยังมิได้มีการนำระบบตลาดคาร์บอนในรูปแบบ “ภาคบังคับ” มาใช้สำหรับการบรรลุการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดหรือใช้เพื่อถ่ายโอนผลการลดก๊าซเรือนกระจกระหว่างประเทศ
  • ตลาดคาร์บอนเครดิตในประเทศไทยปัจจุบัน ยังเป็นรูปแบบ “ภาคสมัครใจ” ที่เป็นการซื้อขาย และการใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ภายในประเทศ
  • แนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต ที่กำหนดโดยคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ ต้องเป็นคาร์บอนเครดิตที่เกิดจากประเภทโครงการพลังงานหมุนเวียนหรือพลังงานที่ใช้ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและการผลิตความร้อน การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ การใช้ยานพาหนะไฟฟ้า การเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน และในครัวเรือน การปรับเปลี่ยนสารทำความเย็นธรรมชาติ การใช้วัสดุทดแทนปูนเม็ด การจัดการขยะมูลฝอย การจัดการน้ำเสียชุมชน การนำก๊าซมีเทนกลับมาใช้ประโยชน์ การจัดการน้ำเสียอุตสาหกรรม การลด ดูดซับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจกจากภาคป่าไม้และการเกษตร การดักจับ กักเก็บ และ/หรือใช้ประโยชน์จากก๊าซเรือนกระจก หรือโครงการอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด
  • โครงการที่พัฒนาขึ้นสำหรับใช้คาร์บอนเครดิตเพื่อวัตถุประสงค์ระหว่างประเทศ ต้องเป็นโครงการที่ส่งผลให้เกิดการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งกำเนิดหรือเพิ่มแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ในส่วนเพิ่มเติมจากการดำเนินงานตามแผนการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ และมีกำหนดระยะเวลาการรับรองคาร์บอนเครดิต ไม่เกินระยะเวลาการดำเนินงานตามเป้าหมายของการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนดในแต่ละช่วงเวลา รวมทั้งต้องเป็นโครงการที่มีการส่งเสริมการพัฒนาและถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือนวัตกรรมขั้นสูงและใช้เงินลงทุนสูง และการเข้าถึงทรัพยากรทางการเงินเพื่อการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการลดก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งกำเนิดหรือเป็นการเพิ่มแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก

ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่เป็นกลไกทางตลาด ตามความตกลงปารีส (และการเปลี่ยนผ่านจากพิธีสารเกียวโต) สามารถศึกษาได้จาก A Guide to UN Market-based Mechanisms ที่ลิงก์ https://unfccc.int/blog/a-guide-to-un-market-based-mechanisms

บทความ : ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการณ์ ประธานสถาบันไทยพัฒน์

Source : MGROnline
เครดิตภาพ : https://www.klean.world/post/what-makes-a-good-carbon-credit

รู้จัก “TOKAMAK โทคาแมค” เทคโนโลยีฟิวชั่น เพื่อการสร้างพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนให้กับโลก

ตอนนี้ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในเรื่องของพลังงานสะอาด มีเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์ให้เป็นศูนย์ และยังคงมีการพัฒนาและหาวิธีการหาแหล่งพลังงานสะอาดที่สามารถให้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมไปด้วย ซึ่งหนึ่งในแหล่งพลังงานสะอาดที่กำลังมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องนั่นก็คือ TOKAMAK โทคาแมค เป็นเทคโนโลยีฟิวชั่น ที่สามารถสร้างพลังงานสะอาดได้อย่างมหาศาล TOKAMAK…

10 คำถามสุดฮิตก่อนติดโซล่าร์เซลล์ที่บ้าน (Solar Rooftop)

ใครที่คิดกำลังจะติดโซล่าร์เซลล์ที่บ้าน แนะนำให้อ่านเนื้อหาในบทความนี้ก่อน อาจจะช่วยให้การตัดสินใจทำได้ง่ายขึ้น คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ซึ่งเนื้อหาก็เป็นการนำเสนอจากทางกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้รวมเอา 10 คำถามหรือข้อสังสัยต่างๆ เกี่ยวกับการติดโซล่าร์เซลล์ที่บ้านอยู่อาศัยแบบ Solar…

Super E-Platform เทคโนโลยีชาร์จรถไฟฟ้าใหม่ล่าสุด 1,000 กิโลวัตต์ ชาร์จ 5 นาที วิ่งได้ 400 กม.

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตพลังงานและปัญหาสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) กลายเป็นหนึ่งในทางออกที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่ของรถยนต์ไฟฟ้าคือระยะเวลาในการชาร์จที่ยังช้ากว่าการเติมน้ำมันในรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) แต่ล่าสุด…