การไฟฟ้านครหลวง เปิดใช้งาน MEA EV Application เวอร์ชันใหม่ ครบทุกเรื่องรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี สะดวก แม่นยำ ทันสมัย พร้อมสิทธิพิเศษชาร์จไฟฟรี ถึงวันที่ 30 มิ.ย. 65 สำหรับหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 22 สถานี ที่ทำการไฟฟ้านครหลวงเขตต่างๆ เชื่อมต่อ Platform ระบบบริหารจัดการเครื่องอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ Function โดยอำนวยความสะดวกครบครันแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า

วันนี้ (7 เม.ย.) ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในสื่อสังคมออนไลน์เรื่อง MEA เปิดใช้ MEA EV Application มอบสิทธิพิเศษชาร์จไฟฟรี ถึง 30 มิ.ย. 65 ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย การไฟฟ้านครหลวง กระทรวงมหาดไทย พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง

MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง ได้เปิดใช้งาน MEA EV Application เวอร์ชันใหม่ ครบทุกเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเปิดให้ดาวน์โหลดฟรี สะดวก แม่นยำ ทันสมัย พร้อมสิทธิพิเศษชาร์จไฟฟรี ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565 สำหรับหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 22 สถานี ที่ทำการไฟฟ้านครหลวงเขตต่าง ๆ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และที่บริเวณ 7-Eleven สาขาบ้านสวนลาซาล (ศรีนครินทร์) และ สาขาสน.บางขุนนนท์ สวนเบญจกิตติ พร้อมเชื่อมต่อ Platform ระบบบริหารจัดการเครื่องอัดประจุไฟฟ้าอัจฉริยะ Function โดยอำนวยความสะดวกครบครันแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ดังนี้

1. ทราบตำแหน่งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทุกค่าย
2. จองหัวชาร์จล่วงหน้า
3. มีระบบนำทางไปสถานีชาร์จบนแผนที่
4. สั่ง Start/Stop การชาร์จ พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการชาร์จ
5. ชำระเงินด้วย MEA Wallet แบบ Energy Based
6. ตรวจสอบประวัติการชาร์จได้
7. เชื่อมต่อกับ MEA EV Application

ทั้งหมดนี้ได้รองรับกับการใช้งานและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างครบวงจร ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด MEA EV Application ได้ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ได้ที่ https://onelink.to/meaev

อย่างไรก็ตาม MEA ในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พร้อมขับเคลื่อนพลังงานเพื่อวิถีชีวิตเมืองมหานคร ตามแผนงานด้านพลังงานในการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย และพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้ดำเนินนโยบายในด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) มาอย่างต่อเนื่อง MEA ครบรอบ 10 ปี EV ในการเตรียมความพร้อมรองรับการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่จะมาทดแทนรถยนต์น้ำมันต่อไปในอนาคต ภายใต้โครงการ “มหานครสดใส ชาร์จไฟกับ กฟน.” ตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ในการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV จำนวน 100 หัวชาร์จ และจะดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV ขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าในพื้นที่สาธารณะในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ แล้วเสร็จครบทุกจุดในเดือนธันวาคม 2565 นี้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการใช้งานหัวชาร์จ MEA EV ที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ด้วยการใช้บริการหัวชาร์จที่สะดวกผ่าน MEA EV Application และจะดำเนินการติดตั้งหัวชาร์จ MEA EV แล้วเสร็จครบทุกจุดในเดือนธันวาคม

ทั้งนี้ ผู้ใช้ไฟฟ้าที่สนใจใช้บริการออกแบบและติดตั้งเครื่องชาร์จไฟยานยนต์ไฟฟ้าภายในที่อยู่อาศัยที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยของ MEA สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 รวมถึงแจ้งผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่

Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA
Line : MEA Connect
Twitter: @mea_news
ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Source : MGR Online

บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก เซ็นบันทึกความร่วมมือกับ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ “EA” เพื่อการวิจัยและพัฒนาเปลือกแบตเตอรี่ – ระบบหล่อเย็นสำหรับแบตเตอรี่ และระบบหล่อเย็นสำหรับมอเตอร์ขับเคลื่อน ด้วยพลาสติกคุณภาพสูงเตรียมผลิตแบบจำลองภายในปีนี้ และเริ่มผลิตพาณิชย์ในปี 2566

วันนี้( 8 เม.ย.65) นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปัญจวัฒนาพลาสติก จำกัด (มหาชน) หรือ “PJW” เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ “EA” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการวิจัยและพัฒนาเปลือกแบตเตอรี่ ระบบหล่อเย็นสำหรับแบตเตอรี่ และระบบหล่อเย็นสำหรับมอเตอร์ขับเคลื่อน ด้วยพลาสติกคุณภาพสูงที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถช่วยลดอุณหภูมิการทำงานของแบตเตอร์รี่ให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม คือ 20-40 องศาเซลเซียส และทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี เข้ามาทดแทนส่วนประกอบของรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Vehicle) ที่มาจากโลหะ เพื่อลดน้ำหนักของรถ สามารถเพิ่มระยะทางการวิ่งของรถ และลดจำนวนการชาร์จช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นกว่าเดิม

โดยบริษัทฯคาดว่าจะสามารถผลิตแบบจำลอง (Prototype) ได้ภายในปี2565นี้  ก่อนที่จะเริ่มลงทุนเพื่อผลิตเปลือกแบตเตอรี่ ระบบหล่อเย็นสำหรับแบตเตอรี่ และระบบหล่อเย็นสำหรับมอเตอร์ขับเคลื่อน ด้วยพลาสติกคุณภาพสูงสำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ในปี 2566 โดยคาดว่าจะมียอดขายในปีแรกไม่ต่ำว่า 100 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเป็น 500 ล้านบาท ภายในปี 2569

ในส่วนของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (Passenger Car) ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงมีชิ้นส่วนพลาสติก ที่บริษัทฯผลิตและจำหน่าย มีอยู่ทั้งหมด 3 ส่วน แบ่งเป็น 1.)อุปกรณ์ห้องเครื่องยนต์ สัดส่วน 10-20 %  2.)อุปกรณ์ตกแต่งภายนอก สัดส่วน 40- 50 % และอุปกรณ์ตกแต่งภายใน สัดส่วน 30-40 % หลังจากที่มีการปรับเปลี่ยนสู่รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้า (EV Car) จะส่งผลให้อุปกรณ์ในห้องเครื่องหายไปเกือบทั้งหมด ขณะที่สัดส่วนหลัก70-90 % คือ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน และ อุปกรณ์ตกแต่งภายนอก ยังคงมีอยู่ ซึ่ง “PJW” ได้รับผลกระทบไม่มากนัก จากการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้มองหาการเติบโตเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงของรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสู่พลังงานไฟฟ้า(EV Car) โดยในปี2566  บริษัทฯได้เตรียมที่จะนำองค์ความรู้ (Know-how) ที่ได้จากการพัฒนาส่วนประกอบในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มาต่อยอดเพื่อพัฒนาและผลิตชิ้นส่วนสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้า โดยเฉพาะเปลือกแบตเตอรี่ที่มาจากพลาสติกคุณภาพสูง สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าที่สามารถวางแบตเตอรี่ได้เฉพาะใต้ท้องรถ และ มีการออกแบบจัดวางพื้นที่ในเชิงของวิศวกรรม ส่งผลให้รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้ามีจำนวนการใช้โลหะต่อกิโลวัตต์มากกว่ารถยนต์ไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ถึงเท่าตัว

นอกจากนี้ ยังมีแผนในการวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนพลาสติกในระบบหล่อเย็นสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคล รวมไปถึงชิ้นส่วนพลาสติกในระบบระบบหล่อเย็นสำหรับมอเตอร์ขับเคลื่อน เพื่อที่จะให้มีการทำงานในอุณหภูมิที่เหมาะสม และช่วยน้ำหนักของรถลง โดยตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าถือว่าเป็นตลาดขนาดใหญ่มาก โดยมีการประมาณการว่าในปี 2567 จะมีจำนวน 150,000-200,000  คัน และในปี 2568 จะมีจำนวน 250,000- 300,000  คัน และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆปี ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้แบตเตอรี่และระบบหล่อเย็นจำนวนมาก หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และในอนาคตตลาดมีโอกาสที่จะเติบโตขึ้นเป็น 4,000-5,000  ล้านบาท ตามการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าที่ภาครัฐบาลมีนโยบายในการสนับสนุนให้มีการผลิตได้ครบ1 ล้านคัน ภายในปี 2573 

“การร่วมมือกับ “EA” ในครั้งนี้ ยิ่งเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพทางธุรกิจของ“ PJW ” สู่การบุกธุรกิจ EV อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆในการขยายตัวทางธุรกิจ รวมถึงยังเป็นการเปิดโอกาสในการหาผู้ร่วมทุนหรือพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาเพิ่มศักยภาพความแข็งแกร่ง และยังสามารถเพิ่มขีดการแข่งขันและยกระดับของบริษัทฯ ในการก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกยานยนต์ ที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานระดับโลก สอดรับกับยุคการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV Car) พร้อมทั้งเชื่อว่าเทรนด์การใช้รถ EV ในประเทศไทย สามารถเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ได้อีกมาก จากนโยบายการส่งเสริมของภาครัฐที่สนับสนุนให้มีการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” 

Source : TNN online