นายวุฒิกร สติฐิต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า ปตท.ได้ประเมินความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ปีนี้ ที่คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อน หลังช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่าความต้องการใช้ LNG เฉลี่ยอยู่ที่ 4,420 ล้านลูกบาศก์ฟุต (ลบ.ฟุต) ต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 64
“ความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นมาจากภาคการผลิตไฟฟ้า ที่มีความต้องการใช้ LNG เพื่อเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 2,650 ล้าน ลบ.ฟุตต่อวัน ประกอบกับภาคอุตสาหกรรมกลับมาเดินเครื่องการผลิตเพิ่มขึ้น ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังโควิด-19 คลี่คลาย”
นายวุฒิกรกล่าวว่า ไตรมาส 2 ที่มีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าความต้องการใช้ LNG จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1 อีกทั้งปัจจุบันราคาตลาดโลกยังอยู่ในฐานที่สูง แต่ถือว่าลดลงจากเดิมเหลือที่ 20-21 เหรียญต่อล้านบีทียู จากช่วงเดือน มี.ค.อยู่ที่ 84-85 เหรียญต่อล้านบีทียู ซึ่งหากเทียบกับการใช้น้ำมันเพื่อเดินเครื่องผลิตไฟฟ้า ราคา LNG ในระดับดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศมากกว่า สามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้า ดังนั้นความต้องการใช้ LNG เพื่อป้อนเป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจะยังเป็นขาขึ้น
นายวุฒิกรกล่าวว่า ปตท.อยู่ระหว่างหารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในการจัดซื้อ LNG ในช่วงราคาตลาดโลกที่ลดลง เพื่อนำมาเก็บสำรองไว้ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของสหภาพยุโรปในปลายปีนี้ ที่จะมีความต้องการใช้สูงกดดันให้ราคาปรับสูงขึ้นอีก เพื่อเสริมความมั่นคงด้านพลังงาน ที่ต้องการลดภาระต้นทุนค่าไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะมีแนวทางที่ชัดเจนในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ และในปีนี้ คาดว่าประเทศไทยจะมีปริมาณ LNG สำรองไว้รวม 10 ล้านตัน
Source : ไทยรัฐ