คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมเสนอ บอร์ด พิจารณาร่างโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ปี 2565-2568 เร็วๆ นี้ หลังผ่านการรับฟังความเห็นประชาชนแล้ว คาดประกาศใช้ได้ภายในปี 2565 ระบุเนื่องจากเป็นการปรับโครงสร้างในช่วงสถานการณ์พลังงานไม่ปกติ ดังนั้นจะไม่ปรับค่า Ft เป็นศูนย์เพื่อไปรวมไว้กับค่าไฟฟ้าฐาน โดยยังคงใช้อัตราค่า Ft ที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วยต่อไปก่อน
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยว่าหลังจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้จัดทำร่างโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ปี 2565-2568 และเปิดรับฟังความเห็นร่างฯ ดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 3-17 ต.ค. 2565 ซึ่งเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2564 นั้น พบว่าการรับฟังความเห็นผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีปัญหาใดๆ
โดยขณะนี้สำนักงาน กกพ.อยู่ระหว่างเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กกพ. เพื่อพิจารณาร่างดังกล่าวอีกครั้งและให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไป รวมทั้งต้องหารือกับ 3 การไฟฟ้า (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA และการไฟฟ้านครหลวง หรือ กฟน.) ในเรื่องการกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้ารายเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงใหม่ ว่าจะเริ่มมีผลใช้ในรอบบิลใด เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กกพ.จะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยคาดว่าจะเริ่มประกาศใช้โครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ปี 2565-2568 ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ หรือภายในปี 2565 นี้
สำหรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ดังกล่าวจัดทำขึ้นในช่วงที่เกิดวิกฤติพลังงาน ซึ่งราคาพลังงานแพงจากปัญหาการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งปัญหาขาดแคลนก๊าซธรรมชาติจากการเปลี่ยนผ่านผู้ผลิตปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณภายหลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน และราคาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในตลาดโลกมีราคาสูง ดังนั้นเพื่อไม่ให้กระทบค่าไฟฟ้าประชาชน กกพ. จะยังคงใช้อัตราค่าไฟฟ้าปัจจุบันต่อไป โดยไม่มีการปรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ft) เป็นศูนย์ เพื่อไปรวมไว้กับค่าไฟฟ้าฐาน เหมือนที่เคยทำมา
โดยค่า Ft ยังคงเป็นอัตราปัจจุบันที่ 93.43 สตางค์ต่อหน่วยต่อไป แต่ในอนาคตหากสถานการณ์ราคาพลังงานกลับสู่ภาวะปกติ และอัตราค่า Ft ลดลงเหลือประมาณ 30 สตางค์ต่อหน่วย ทาง กกพ.อาจพิจารณาปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าอีกครั้ง และจะสามารถปรับค่า Ft ให้เป็นศูนย์ เพื่อเริ่มต้นการคิดคำนวณค่าไฟฟ้าประเทศใหม่แบบสมบูรณ์ได้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า สำหรับร่างโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ปี 2565-2568 ได้มีการปรับลดอัตราค่าบริการรายเดือนที่การไฟฟ้าเรียกเก็บจากประชาชนทุกเดือน ในบางกลุ่ม ได้แก่ 1. บ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้ามากกว่า 150 หน่วยต่อเดือน และผู้ใช้อัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาการใช้งาน (TOU) แบบแรงดันต่ำกว่า 22 kV/ต่ำกว่า 12 kV จะมีอัตราค่าบริการรายเดือนถูกลง 13.60 บาทต่อเดือน จากปัจจุบันการไฟฟ้าเรียกเก็บค่าบริการอยู่ที่ 38.22 บาทต่อเดือน จะเหลือเพียง 24.62 บาทต่อเดือน 2. กลุ่มกิจการขนาดเล็ก ทั้งแบบที่ใช้อัตราค่าไฟฟ้าปกติและแบบ TOU แรงดันต่ำกว่า 22 kV จะได้รับอัตราค่าบริการที่ถูกลง 12.87 บาทต่อเดือน จากปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ 46.16 บาทต่อเดือน จะเหลือ 33.29 บาทต่อเดือน และ 3.กลุ่มกิจการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ที่ใช้อัตราค่าไฟฟ้าแบบ TOU ทุกระดับแรงดัน จะมีอัตราค่าบริการรายเดือนถูกลง 24.10 บาทต่อเดือน จากปัจจุบันเรียกเก็บอยู่ 228.17 บาทต่อเดือน จะเหลือ 204.07 บาทต่อเดือน
ทั้งนี้ กกพ. คาดว่าจะทำให้ผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 13.14 ล้านราย จ่ายค่าบริการรายเดือนลดลง แต่ก็จะส่งผลให้การไฟฟ้ามีรายได้ลดลงประมาณ 2,440 ล้านบาทต่อปีด้วย
สำหรับมาตรการค่าไฟฟ้าฟรีสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยนั้น จะมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนของสิทธิ์ผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีบ้านหลายหลัง เพื่อให้ผู้ใช้ไฟฟ้าได้รับสิทธิ์เพียง 1 สิทธิ์ต่อหนึ่งครัวเรือนต่อเดือน และต่อหนึ่งหมายเลขผู้ใช้ไฟฟ้าเท่านั้น โดยจะมีการกำหนดคุณสมบัติผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ ซึ่งจะบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม กับผู้ขึ้นทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป
นอกจากนี้การกำหนดโครงสร้างค่าไฟฟ้าใหม่ ยังกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ(Public EV Charger) ที่เป็นค่าพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น โดยไม่รวมค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (Ft) ค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ (PE) และค่าบริการรายเดือน โดยมีอัตราอยู่ที่ 2.9162 บาทต่อหน่วย (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และไม่มีค่าความต้องการพลังงานไฟฟ้า ทั้งนี้ หากภาครัฐมีนโยบายที่จะกำหนดให้ราคาต่ำกว่าอัตราดังกล่าว ก็อาจพิจารณานำเงินงบประมาณจากส่วนอื่นๆ มาอุดหนุนให้ราคาลดลงได้
Source : Energy News Center