เนื้อหาในวันนี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับร่างแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงของ กรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งได้จัดทำร่างแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567–2580 (Oil Plan 2024) ออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยเป็น 1 ใน แผนพลังงานชาติ ที่ประกอบไปด้วย
- แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2567-2580 (PDP 2024)
- แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ.2567-2580 (Gas Plan 2024)
- แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567-2580 (Oil Plan 2024)
- แผนปฏิบัติการด้านพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ.2567-2580 (AEDP2024)
- แผนปฏิบัติการด้านการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2567-2580 (EEP2024)
รวมทั้งหมด 5 แผน ซึ่งในครั้งที่แล้ว เราได้ทำเนื้อหาเกี่ยวกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2567-2580 (PDP 2024) กันไปเรียบร้อยแล้ว สามารถอ่านได้โดยคลิกที่นี่เลยครับ คราวนี้เราก็จะนำ แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan 2024) มาให้ทุกท่านได้รับทราบรายละเอียดกันบ้าง ซึ่งแผนนี้ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะจะเกี่ยวของกับเรื่องของการจัดการพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันที่เราใช้อยู่กันในทุกวันนี้
เป้าหมาย แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง (Oil Plan 2024)
- มีความสามารถในการรับมือกับภาวะวิกฤต ด้านน้ำมันสูงขึ้น
- การจัดหาและการผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคขนส่ง สอดคล้องความต้องการตามเทคโนโลยี่ที่เปลี่ยนไป
- การผลิตและการขนส่ง น้ำมันเชื้อเพลิงมีประสิทธิภาพ
- ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
กรอบดำเนินงาน 4 ด้าน
- การบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อความมั่นคง ศึกษาความเหมาะสมการจัดทำ Strategic Petroleum Reserve (SPR) และรูปที่เหมาะสมกับไทย และมีการปรับปรุงวิธีการคำนวณอัตราสำรองน้ำมันเชื้อเพลิงตามกฏหมายให้สอดคล้องกับความเสี่ยงที่เปลี่ยนไป นอกจากนี้ยังมีการพัฒนากลไกการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับสถานการณ์วิกฤติด้านน้ำมันเชื้อเพลิง
- การบริหารจัดการน้ำมันภาคขนส่ง มีการสนับสนุนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และส่งเสริมการผลิต การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงสะอาดจากวัตถุดิบที่มีในประเทศ รวมถึงกำกับดูแลน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีราคาที่เหมาะสม ไม่เป็นภาระกับประชาชน
- การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตและขนส่ง เริ่มจากในส่วนของโรงกลั่น มีการกำกับดูแลการผลิตน้ำมันสำเร็จรูปของโรงกลั่นให้มีเพียงพอ และสอดคล้องกับความต้องการใช้ ในส่วนของท่อขนส่งน้ำมัน มีการผลกดันให้เกิดการใช้ประโยชน์จากระบบขนส่งน้ำมันทางท่ออย่างเต็มประสิทธิภาพ และศึกษาแนวทางการปรับปรุงค่าขนส่งให้ราคาน้ำมันเท่ากันทุกภูมิภาค สำหรับสถานีบริการน้ำมัน จะมีการเพิ่มจำนวนสถานีอัดประจุไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมัน และกำกับดูแลการติดตั้งและการใชงานสถานีอัดประจุไฟฟ้าในสถานีบริการน้ำมันให้มีควมปลอดภัย
- การส่งเสริมธุรกิจใหม่ในอนาคต ในธุรกิจปิโตรเคมีและไบโอพลาสติก จะมีการส่งเริ่มการลงทุนปิโตรเคมีขั้นปลาย และพลาสติกชีวภาพ ในส่วนของเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน ก็จะมีการสนับสนุนการลงทุนผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยื่น (SAF) เพื่อใช้ในประเทศและส่งออก มีการส่งเสริมการลงทุนผลิต SAF ทั้งรูปแบบ Co-processed และ Stand Alone รวมถึงผลักดันการลงทุนผลิต SAF ในประเทศโดยใช้วัตถุดิบที่ไทยมีศักยภาพ และสุดท้ายในส่วนของน้ำมันหม้อแปลงไฟฟ้าชีวภาพ จะสนับสนุนการลงทุนผลิตน้ำมันหม้อแปลไฟฟ้าชีวภาพอีกด้วย
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ด้านเศรษฐกิจ
- ภาคการขนส่งทางบก โดยสร้างรายได้ให้ผู้ผลิตเอทานอล – ไบโอดีเซล 71,300 ล้านบาท / ปี
- ประหยัดเงินจากการนำเข้าน้ำมันดิบ 59,000 ล้านบาท/ ปี
- เกิดการลงทุนในธุรกิจใหม่ เม็ดเงินรวม 113,901 ล้านบาท
ด้านสังคม
- ได้สร้างรายได้ให้เกษตรกรจากการปลูกพืชพลังงาน 41,500 ล้านบาท/ปี
ด้านสิ่งแวดล้อม
- ลดการปล่อยก๊าซ CO2 7.1 ล้านตัน CO2 เทียบเท่า/ปี
ปรับเปลี่ยนชนิดน้ำมันให้เหมาะสม
ในร่างแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567–2580 (Oil Plan 2024) นี้ยังได้มีการวางแผนปรับเปลี่ยนชนิดน้ำมันพื้นฐานให้เหมาะสมใหม่ด้วย รวมถึงการปรับลดชนิดน้ำมันในประเทศลง โดยน้ำมันดีเซลจะกำหนดให้ไบโอดีเซล B7 และให้ดีเซล B20 เป็นน้ำมันทางเลือก และกำหนดสัดส่วนการผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ระหว่าง 5-9.9% (จากปัจจุบันกำหนดสัดส่วนผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ที่ 6.6-7%) ในส่วนของน้ำมันเบนซินอยู่ระหว่างกำหนดให้น้ำมันชนิดใดเป็นน้ำมันพื้นฐาน ระหว่างแก๊สโซฮอล์ 95 หรือ แก๊สโซฮอล์ E20 หรือแก๊สโซฮอล์ 91 หรือ E10 ทั้งนี้จะยกเลิกการจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 91 ออกไปภายในปี 2568
อย่างไรก็ตามหลังจากรับฟังความคิดเห็นร่างแผน Oil Plan 2024 แล้ว กระทรวงพลังงานจะรวบรวมทั้ง 5 แผนดังกล่าวไว้ในแผนพลังงานชาติ ซึ่งคาดว่าจะจัดทำเสร็จในเดือน ก.ย. 2567 เพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.), คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พิจารณาและนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเห็นชอบและประกาศใช้อย่างเป็นทางการต่อไป และมีการคาดการณ์เอาไว้ว่า แผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567–2580 (Oil Plan 2024) นี้จะเกิดเม็ดเงินลงทุนในธุรกิจใหม่ มากถึง 113,901 ล้านบาท
Source : กรมธุรกิจพลังงาน