นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า แนวโน้มค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าในรอบเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2565 นั้น ยังไม่มีการพิจารณาเพราะต้องรอปิดรอบการคำนวณก่อน ในเบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มคำนวณกลางเดือนมิ.ย.นี้ และจะประกาศในช่วงกลางเดือนก.ค.
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นต้นทุนที่ได้ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามที่ สำนักงาน กกพ.คาดการณ์หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงคาดว่าค่าไฟรอบใหม่ หรือรอบปลายปีจะปรับขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วยตัวเลขนี้เป็นกรณีไม่ส่งต่อให้ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับภาระ
“เดิมค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นส่งผลให้ประมาณการค่าเอฟทีในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนสิงหาคม 2565 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 129.91 สตางค์ต่อหน่วย แต่กกพ.พิจารณาภายใต้หลักการการปรับขึ้นแบบขั้นบันได 3 งวด เฉลี่ยงวดละ47.3 สตางค์ต่อหน่วย และกฟผ.ช่วยรับภาระจึงลดลงอยู่ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย ส่วนงวดใหม่เบื้องต้นตัวเลขคำนวณยังไม่เปลี่ยนแปลง จึงคาดว่าจะขึ้นประมาณ 40 สตางค์ต่อหน่วย”นายคมกฤชกล่าว
ส่วนแนวโน้มราคาน้ำมันมีรายงานจากทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ล่าสุด จะเพิ่มขึ้นโดยได้แรงหนุนจากสหภาพยุโรป (EU) เดินหน้าพิจารณามาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียในการประชุมสุดยอด (Summit) ในวันที่ 30-31 พ.ค. 2565 ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรเครือข่ายการลักลอบขนน้ำมันและฟอกเงิน ซึ่งอิหร่าน และรัสเซีย สนับสนุน อาทิ บริษัท RPP LLC ในรัสเซีย, Zamanoil DMCC ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, Haokun Energy Group Co. Ltd. ในจีน, และ China Haokun Energy Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่อยู่ในฮ่องกง เป็นต้น
ขณะที่กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก (G7: แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ) ที่ประชุมช่วง 25-27 พ.ค. 2565 ได้เรียกร้องให้กลุ่มโอเปก(OPEC) ซึ่งจะประชุมในวันที่ 2 มิ.ย. 2565 ช่วยบรรเทาภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่มีแนวโน้มตึงตัวจากการคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซีย เพื่อความมั่นคงทางพลังงานโลก
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของธนาคาร UBS ของสวิตเซอร์แลนด์ คาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะยังคงอยู่ในระดับสูง จากความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ขณะที่อุปทานน้ำมันมีแนวโน้มลดลง ขณะเดียวกันสถานการณ์ราคาน้ำมันที่จะเพิ่มขึ้นยังประกอบกับสหรัฐฯ เข้าสู่ฤดูขับขี่ท่องเที่ยว โดยสมาคมรถยนต์แห่งอเมริกา (AAA) คาดการณ์จำนวนประชาชนที่เดินทาง (ระยะทาง 50 ไมล์ขึ้นไป) เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5% อยู่ที่ราว 34.9 ล้านคน
Source : แนวหน้า