ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย เปิดเผยในงาน Better Thailand Open Dialogue ถามมา-ตอบไป เพื่อประเทศไทยที่ดีกว่า ว่า รัฐบาลเตรียมออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์และสถานีชาร์จไฟฟ้า เพื่อรองรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งคาดว่า มาตรการดังกล่าวจะออกมาภายใน 2 เดือนจากนี้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในฐานะหัวหน้าทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามบริษัทเอกชนไทยและต่างชาติของรัฐบาล ได้พยายามเฟ้นหานักลงทุนจากอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในประเทศ โดยเน้นไปที่ 5 อุตสาหกรรมหลัก คือ EV อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยว ดิจิทัล และยา
“ทีมปฏิบัติการเชิงรุกได้ไปหาทางดึงดูดนักลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งหมดที่กลั่นกรองเอาไว้ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ไทยยังต้องพึ่งพาต่างชาติ โดยหากนับแค่ 3 อุตสาหกรรม คือ EV อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยว ก็มีสัดส่วนต่อ GDP สูงถึง 50% ถ้าไม่พัฒนาอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา เราก็อาจต้องสูญเสียอุตสาหกรรมเหล่านี้ไปในอนาคตแน่นอน”
ม.ล.ชโยทิตกล่าวว่า ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีศักยภาพ คือ อุตสาหกรรมรถยนต์ ที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 1 ใน 10 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน แต่ผลิตแค่รถที่ใช้น้ำมัน ดังนั้น การจะเปลี่ยนถ่ายไปรถยนต์ EV ให้ได้ตามแผนการส่งเสริมของรัฐบาล ก็ต้องเร่งสร้างแรงจูงใจและหาทางส่งเสริมให้ครบทั้งระบบนิเวศ โดยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทีมปฏิบัติการเชิงรุกได้คุยผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม EV ทั้งญี่ปุ่น จีน ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ก็ได้รับเสียงตอบรับว่า หากไทยขับเคลื่อนเรื่องนี้ก็ต้องมีความต้องการชัดเจนโดยเฉพาะการส่งเสริมให้เกิดความต้องการใช้ในประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการออกมาตรการสนับสนุนแล้ว เหลือแค่การผลิตแบตเตอรี่และสถานีชาร์จเท่านั้น ล่าสุดรัฐบาลได้เดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น ก็ได้รับการยืนยันจากค่ายรถยนต์ขนาดใหญ่ ทั้งโตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน และมิตซูบิชิ ว่าในช่วงเวลา 1-2 ปีนี้จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ EV รองรับความต้องการในภูมิภาค.
Source : ไทยรัฐ