สำหรับท่านที่ต้องการจะติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า นอกจากจะต้องศึกษาเรื่องของแผงโซลาร์เซลล์ และอุปกรณ์ต่างๆ การขออนุญาตติดตั้งแล้ว ยังต้องเข้าใจถึงรูปแบบการทำงานของโซลาร์เซลล์ด้วย โดยเฉพาะปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเรื่องนี้สำคัญมากๆ เพราะว่าหากแผงโซลาร์เซลล์ของเราผลิตไฟฟ้าได้น้อย นั่นจะทำให้ระยะเวลาคืนทุนยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม และบางครั้งอาจจะไม่สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพียงพอต่อการใช้งานของเราได้ ซึ่งในบทความนี้ เราจะมาดูว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจากแผงโซลาร์เซลล์กัน ติดตามได้เลย
1.ประเภทของแผงโซลาร์เซลล์
ก่อนจะไปเรื่องอื่นๆ เราต้องรู้จักประเภทของแผงโซลาร์เซลล์กันก่อนครับ เพราะแผงโซลาร์เซลล์แต่ละแบบนั้นมีประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าได้ต่างกันนั่นเอง มาดูกันว่ามีประเภทไหนบ้าง และมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ซึ่งสรุปแบบสั้นๆ ได้ดังนี้เลย
แผงโซล่าเซลล์ชนิด โมโนคริสตัลไลน์ (Monocrystalline Silicon Solar Cells)
ข้อดี
- มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
- สามารถผลิตไฟฟ้าได้เกือบ 4 เท่าเมื่อเทียบกับ แบบ thin film
- มีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด ราวๆ 25 ปีขึ้นไป
- ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ดีกว่าในภาวะแสงน้อย เมื่อเทียบกับแบบ โพลีคริสตัลไลน์
ข้อเสีย
- มีราคาแพงกว่าแบบอื่นๆ
- หากแผงสกปรก หรือถูกบังแสงบางส่วน อาจจะทำให้วงจรมีปัญหาได้
แผงโซล่าเซลล์ชนิด โพลีคริสตัลไลน์ (Polycrystalline Silicon Solar Cells)
ข้อดี
- สามารถผลิตได้ง่าย ไม่ซับซ้อน ใช้ปริมาณซิลิคอนในการผลิตน้อยกว่าแบบ โมโนคริสตัลไลน์
- ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าเมื่อมีอุณหภูมิสูง ดีกว่า โมโนคริสตัลไลน์ เล็กน้อย
- ราคาถูกว่าเมื่อเทียบกับ โมโนคริสตัลไลน์
ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพเฉลี่ยอยู่ที่ 13 – 16 % ซึ่งต่ำกว่าแบบ โมโนคริสตัลไลน์
- ประสิทธิภาพต่อพื้นที่ต่ำกว่าแบบ โมโนคริสตัลไลน์
- แบบโพลีคริสตัลไลน์ จะมีสีน้ำเงิน ทำให้อาจจะดูไม่ค่อยสวยงาม ติดตั้งแล้วไม่ค่อยเข้ากับบ้านเท่าไหร่
แผงโซล่าเซลล์ชนิด ฟิล์มบาง (Thin Film Solar Cells)
ข้อดี
- มีราคาถูกกว่าแบบอื่นๆ เพราะสามารถผลิตได้จำนวนมากๆ
- ไม่มีปัญหาเรื่องความสกปรกที่จะส่งผลต่อวงจรการทำงาน
- เหมาะกับคนที่มีพื้นที่ติดตั้งเยอะๆ
ข้อเสีย
- ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าต่ำกว่าแบบอื่นๆ
- ความคุ้มค่าต่อพื้นที่ต่ำกว่าแบบอื่นๆ
- มีความสิ้นเปลืองในอุปกรณ์อื่นๆ มาก เช่น โครงสร้าง และสายไฟ
- ไม่เหมาะกับหลังคาบ้าน เพราะต้องใช้พื้นที่มากกว่าแบบอื่นๆ
ดูจากข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบแล้ว จะพบว่า แผงโซล่าเซลล์ชนิด โมโนคริสตัลไลน์ จะมีประสิทธิภาพดีที่สุด แต่ก็ต้องระมัดระวังเรื่องของความสกปรก และการติดตั้งที่ดีเพียงพอ ที่สำคัญอาจจะต้องจ่ายเงินแพงกว่าแบบอื่นๆ แต่ใครที่งบไม่เยอะมาก ก็สามารถเลือกแบบอื่นๆ ตามความเหมาะสมได้เลย ซึ่งก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ประสิทธิภาพนั้นจะด้อยกว่าแบบที่มีราคาแพง
2.การติดตั้ง การยึด และวัสดุที่ใช้ประกอบแผงโซลาร์เซลล์
การติดตั้งนั้นสำคัญมากๆ เพราะมีผลต่อประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งควรติดตั้งให้มีความชันในระดับที่เหมาะสม ประมาณ 15 องศา กระจกที่นำมาติดตั้งต้องมีการสะท้อนของแสงให้น้อยที่สุด ตำแหน่งการรับแสงในทิศที่ได้รับแสงแดดได้มากที่สุด รวมถึงการบดบังจากสิ่งต่างๆ แวดล้อมทั้งหมด รวมถึงการต่อแผงโซลาร์เซลล์ที่ควรมีความสม่ำเสมออีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะเกี่ยวกับเรื่องการติดตั้งทั้งหมด ส่วนนี้ถ้าไม่ได้ติดตั้งเอง ก็อาจจะต้องพิจารณาจากผลงานของบริษัทที่รับติดตั้ง และตัวเราเอง ก็ต้องเข้าไปตรวจสอบการติดตั้งให้มีความถูกต้องและเหมาะสมด้วย
3.ฝุ่นและความสกปรกของแผงโซลาร์เซลล์
โดยปกติแล้ว แผงโซลาร์เซลล์จะมีฝุ่น และสิ่งสกปรกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุการใช้งานอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเศษฝุ่นผงลอยมาในอากาศ หรือจะมาจากน้ำฝนที่มีการปนเปื้อนของสิ่งต่างๆ ซึ่งเรื่องนี้ก็แก้ง่ายๆ ด้วยการทำความสะอาดแผงเป็นประจำ อาจจะทุก 6 เดือนหรือ 1 ปี ซึ่งผู้ให้บริการติดตั้งหลายๆ ราย ก็มักจะมีโปรโมชั่นแถมเป็นบริการฟรีให้อยู่แล้ว หรือถ้าไม่มีก็จะมีบริการล้างแผงให้เลือกใช้อยู่ แนะนำว่าควรจะต้องทำความสะอาดครับ มิเช่นนั้นประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าจะลดลงเรื่อยๆ ความคุ้มค่าก็จะน้อยลงตามไปด้วย
4.อุณหภูมิของแผงโซลาร์เซลล์
ยิ่งแผงโซลาร์เซลล์มีอุณหภูมิสูงขึ้นมากเท่าไหร่ ประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าก็จะน้อยลงเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าติดตั้งไปแล้ว ก็แก้ยากเลยครับ เพราะว่าแผงโซลาร์เซลล์ต้องโดนแดด เมื่อโดนแดดก็ต้องร้อนแน่นอน เรื่องนี้แนะนำว่าก่อนจะเลือกแผงโซลาร์เซลล์ให้ดูค่าผลการทดสอบบริเวณฉลากที่ติดมากับแผง ซึ่งจะเป็นค่าของการประเมินผลว่าหากอุณหภูมิของแผงสูงขึ้น จะทำให้มีผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าเป็นจำนวนเท่าไหร่ ปกติมักจะทดสอบที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส หรือถ้าดูไม่เป็นก็สอบถามจากบริษัทที่รับติดตั้ง และขอเปรียบเทียบกับหลายๆ ยี่ห้อดูก่อนก็ได้ครับ ซึ่งแน่นอนว่าอันไหนผลทดสอบดีราคาจะแพงกว่าอันอื่นๆ อยู่แล้วครับ อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่เรามีด้วยว่าจะเลือกแบบไหน
5.ประสิทธิภาพของอินเวอร์เตอร์สำหรับแปลงไฟ
ในการติดตั้งโซลาร์เซลล์ต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า อินเวอร์เตอร์ ด้วย ซึ่งจะทำหน้าที่แปลงไฟกระแสตรงเป็นกระแสสลับ เพื่อให้เราใช้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าได้นั่นเอง ซึ่งอุปกรณ์ตัวนี้ก็สำคัญมากเช่นกันเพราะว่าส่งผลต่อการสูญเสียกระแสไฟได้เช่นกัน ดังนั้นก็ควรเลือกใช้อินเวอร์เตอร์ที่มีประสิทธิภาพที่ดี เพื่อลดการสูญเสียพลังงานด้วย
ทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 ปัจจัยที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งแน่นอนว่าเราควรจะศึกษา และเก็บเป็นข้อมูลเอาไว้ด้วย อย่างน้อยๆ เวลาคุยกับบริษัทผู้รับติดตั้งจะได้เข้าใจกันได้ง่ายขึ้น รวมถึงสามารถวางแผลการติดตั้ง กำหนดงบประมาณที่เหมาะสมได้ และยังช่วยให้เราทราบว่าจะต้องดูแลอย่างไร มีระยะเวลาคืนทุนเท่าไหร่ และที่สำคัญที่สุด เงินที่เราลงทุนไปมีความคุ้มค่ามากแค่ไหนครับ
รูปภาพ : Freepik