หลายท่านคงทราบกันดีแล้วว่า ในช่วงนี้มีการปรับลดราคารถไฟฟ้ากันอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่าทำคนที่ซื้อไปก่อนสะดุ้งกันเลยทีเดียว บางคนที่เข้าใจก็รับกันได้ บางคนที่ไม่เข้าใจก็เกิดอาการไม่พอใจก็มี ด้วยการลดราคาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้เราได้เห็นราคารถไฟฟ้าที่ถูกลงกว่าเดิมเยอะมาก และในวันนี้ทางทีมงานก็มีรถไฟฟ้า City Car สำหรับใช้งานในเมือง 3 ยี่ห้อในราคาที่ไม่เกิน 5 แสนบาทมาแนะนำกัน (ราคาในเดือน ก.ค. 2567) เผื่อใครที่กำลังมองหารถไฟฟ้าราคาไม่แพงมาใช้ จะได้มีข้อมูลไว้ตัดสินใจกัน
1.NETA V-II LITE ราคา 499,000 บาท
มาเริ่มกันที่รถไฟฟ้า EV คันแรกกัน ซึ่งน่าจะคุ้นเคยกับแบรนด์ NETA กันอยู่แล้ว เพราะมีจำหน่ายในบ้านเรามาสักระยะหนึ่งแล้ว เดิมจะเป็นรุ่น NETA V แล้วก็เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก พบเห็นได้ตามถนนหนทางในเมืองทั่วไป ซึ่งล่าสุดก็ได้เปิดตัว NETA V-II ออกมาเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากรุ่นเดิม รุ่นนี้เป็นรุ่นประกอบในโรงงานที่ประเทศไทย ทำราคาขายหักส่วนลดแล้วเหลือที่ 499,000 บาทเท่านั้น
NETA V-II ได้มีการปรับปรุงหลายๆ อย่างจากรุ่นเดิม หน้าตาและรูปทรงที่ดูดีกว่ารุ่นเดิมมาก กระจังหน้าแบบใหม่ STARLIGHT GRILLE ดีไซต์คล้ายกับมีดวงดาวบนท้องฟ้าอยู่บริเวณกระจังหน้า มีการตกแต่งด้วยโครเมี่ยมรอบคัน และไฟหน้าใหม่กลมโต ดูสวยขึ้นกว่ารุ่นเดิม ตัวรถมีการออกแบบลายเส้นข้างตัวรถใหม่ให้ดูสวยขึ้น มาพร้อมกับล้อขนาด 16 นิ้ว ด้านท้ายใหม่ออกแบบบยกตำแหน่งให้สูงขึ้น พร้อมไฟท้าย LED ดีไซน์จากซ้ายจรดขวา
มิติตัวรถอยู่ที่ กว้าง 1,690 มม. ยาว 4,070 มม. และสูง 1,540 มม. มีระยะฐานล้อที่ 2,420 มม. เป็นรถขนาดเล็ก City Car ในเรื่องของพละกำลัง รุ่นนี้มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 95 แรงม้า แรงบิต 150 นิวตันเมตร มีแบตเตอรี่ขนาด 40.7 kWh มาให้ รองรับการชาร์จไฟสูงสุดที่ 45 kW ระยะทางที่วิ่งได้สูงสุดอยู่ที่ 348 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 121 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
สำหรับ NETA V-II นั้นยังมีอีกรุ่นเป็น NETA V-II SMART ที่มีออปชั่นต่างๆ เยอะกว่ารุ่น NETA V-II LITE ซึ่งราคาก็จะสูงกว่า ใครที่มองหารถไฟฟ้าราคาประหยัดแนะนำว่า NETA V-II LITE นั้นก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในเมื่อทั่วๆ ไปแล้ว แต่ถ้ามีงบเยอะขึ้น อยากได้ออปชั่นครบๆ ก็ไปรุ่น SMART แทนได้เลย
2.CHANGAN LUMIN 479,000 – 499,000 บาท
LUMIN เป็นรถไฟฟ้าที่ต้องบอกว่า หน้าตาน่ารักมาก หลายคนเรียกกันว่า “น้องง่วง” ด้วยการออกแบบไฟหน้าให้เหมือนมีเปลือกตาอยู่ด้วยคล้ายกับดวงตาคนเวลาง่วงนอน ซึ่งถูกใจคนชอบรถไฟฟ้าสไตล์น่ารักอย่างแน่นอน สำหรับ LUMIN เปิดจำหน่ายด้วยกัน 2 รุ่นคือ LUMIN L (479,000 บาท) และ LUMIN L DC (499,000 บาท) มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 27.98 kWh ระยะทางวิ่งได้ไกลสุดที่ 301 กิโลเมตร (มาตรฐาน NEDC) ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 101 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังสูงสุด 35 กิโลวัตต์ / 48 พีเอส แรงบิต 83 นิวตันเมตร
มิติของตัวรถอยู่ที่ ยาว 3,270 x กว้าง 1,700 x สูง 1,590 มิลลิเมตร ความสูงใต้ท้องรถ 150 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวรถเปล่าที่ 920 กิโลกรัม มาพร้อมกับล้อขนาด 14 นิ้ว รองรับการโดยสารได้ 4 ที่นั่ง สำหรับรุ่น L จะรองรับการชาร์จแบบ AC เท่านั้น โดยจะใช้เวลาชาร์จประมาณ 10 ชั่วโมง ส่วนรุ่น L DC จะรองรับการชาร์จทั้งแบบ AC และ DC ด้วย ซึ่งการชาร์จแบบ DC 30 – 80% จะใช้เวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น ใครที่เน้นใช้ในเมืองจริงๆ และมีการติดตั้งที่ชาร์จในบ้าน เลือกรุ่น L ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว แต่ใครที่อยากไปชาร์จ DC นอกบ้านด้วยก็คงต้องขยับมารุ่น L DC แทนนะครับ อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าตัวที่มีส่วนต่างระหว่างรุ่น L กับ L DC เพียง 20,000 บาทเท่านั้น อยากแนะนำว่าไหนๆ ก็ซื้อแล้ว เลือกรุ่น L DC ไปเลยจะดีกว่าครับ เผื่อบางครั้งอาจจะต้องขับไปที่อื่นๆ นอกเมืองบ้าง จะได้แวะชาร์จ DC ได้ด้วย เร็วกว่าแบบ DC หลายเท่าตัว ไม่ต้องเสียเวลารอนานๆ
สำหรับหน้าตาก็ลองดูในรูปได้เลยครับ LUMIN ใครที่ชอบก็จะชอบเลย น้องน่ารัก แต่ถ้าใครไม่ชอบแนวน่ารัก ก็ลองดูอีก 2 รุ่นที่เหลือได้เลยครับ
3.WULING BINGUO EV 419,000 – 449,000 บาท
WULING แบรนด์รถไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเปิดตัว WULING BINGUO EV มาด้วยกัน 2 รุ่นย่อยคือ AC ราคา 419,000 บาท และ DC 449,000 บาท ราคานี้เฉพาะช่วงเปิดตัว 1,000 คันแรกเท่านั้น สำหรับ WULING BINGUO EV นี้เป็นรถไฟฟ้าแบบ 5 ประตู แฮทซ์แบ็ก ดีไซน์ภายนอกออกแบบตามแนวคิด Timeless Retro Design ติดตั้งไฟหน้าและไฟท้ายแบบ X-shaped LED พร้อมล้อดีไซน์ล้ำสมัย สามารถเลือกตัวถังได้ 3 สี ได้แก่ สีชานม (Milk Tea), สีฟ้ากาแลกซี่ (Galaxy Blue) และสีเขียวมูส (Mousse Green)
WULING BINGUO EV มีพละกำลังที่ 68 แรงม้า แรงบิต 150 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ขนาด 31.9 kWh ขับได้ระยะทางสูงสุดที่ 333 กิโลเมตร สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับการชาร์จก็มีให้เลือก 2 แบบ AC และ DC ตามชื่อรุ่นเลยครับ โดยชาร์จแบบ DC ได้ที่ 50 kW และ AC ได้ที่ 6.6 kW การรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 120,000 กม. ส่วนการรับประกันตัวรถอยู่ที่ 3 ปี หรือ 100,000 กม. ตอนนี้มีโชว์รูมอยู่กว่า 40 แห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้เรายังสามารถอัปเกรดเป็นรุ่น The Icon จ่ายเพิ่ม 30,000 บาท รับเพิ่ม Apple CarPlay / Android Auto แบบไร้สาย, กล้องบันทึกการขับขี่ DVR 1080p Full HD, แพ็กเกจรับประกันตลอดอายุการใช้งาน (Passive Lifetime Warranty) และ Wallbox Home Charging 7kW พร้อมติดตั้ง รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาทอีกด้วย
สำหรับรถไฟฟ้าขนาดเล็กทั้ง 3 รุ่นนี้ ก็เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เช่น ขับไปกลับที่ทำงานใกล้ๆ หรือไปรับส่งลูกที่โรงเรียน จะเหมาะสมสำหรับการใช้งานมากที่สุด แต่ก็ยังสามารถขับออกไปนอกเมืองในระยะทางที่ไม่ไกลมาได้เช่นกัน ใครอยากเอาไว้ขับไปนอกเมืองด้วยแนะนำให้เลือกรุ่นที่รองรับการชาร์จแบบ DC แทนนะครับ เพราะว่าจะได้แวะชาร์จนอกบ้านผ่านหัวชาร์จแบบ DC ได้เลย ไม่ต้องรอนานเหมือนหัวชาร์จแบบ AC ก็ถือว่าราคาตอนนี้ค่อนข้างคุ้มค่ามากในระดับราคาไม่เกิน 5 แสนบาท ได้รถที่รองรับการวิ่งต่อชาร์จประมาณ 300 กิโลเมตรกันเลยทีเดียว