นายเอกนิติ นิติทัณประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพสามิตกำลังศึกษาเรื่องการจัดเก็บภาษีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอน แท็กซ์ ในประเทศ โดยไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องจัดเก็บภาษีนี้ เนื่องจากปัจจุบันหลายประเทศในโลกเริ่มจัดเก็บภาษีดังกล่าวแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป เป็นประเทศแรกๆในโลกที่จะเริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอน ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2566 โดยประเทศไทยจะเริ่มศึกษาเก็บจากสินค้าที่มีผลต่อการปล่อยคาร์บอนสูง คล้ายคลึงกับยุโรป 5 ชนิด คือ ปูนซีเมนต์ เหล็ก อะลูมิเนียม ปุ๋ยเคมี และการผลิตกระแสไฟฟ้า

“เมื่อหลายประเทศในโลกเริ่มเก็บภาษีตัวนี้ หากสินค้าในประเทศไทยไม่มีการจัดเก็บ เมื่อเราส่งสินค้าไปขายในประเทศที่มีภาษี สินค้าไทยก็ต้องเสียภาษีตัวนี้ด้วย แต่หากเรามีการจัดเก็บภาษีตัวนี้ ก็อาจสามารถเจรจากับประเทศที่เราส่งออกสินค้าเพื่อขอยกเว้นภาษีตัวนี้”

ทั้งนี้ ในปัจจุบันทั่วโลกมีวิธีการเก็บภาษีคาร์บอนอยู่ 2 แนวทางคือ การเก็บภาษีจากตัวสินค้าที่ทำให้เกิดการปล่อยคาร์บอน ถ้าปล่อยคาร์บอนสูงก็เสียภาษีสูง เป็นต้น กับอีกแนวทางหนึ่ง คือการเก็บภาษีบนกระบวนการผลิตของโรงงาน ซึ่งต้องคำนวณการปล่อยคาร์บอนของโรงงานนั้นว่าปล่อยออกมาเท่าไร เพื่อใช้เป็นฐานในการจัดเก็บภาษีตัวนี้ ซึ่งกรมสรรพากรเตรียมจะจัดทำความร่วมมือกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก องค์การมหาชน เพื่อมาช่วยคำนวณการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากกระบวนการผลิต ซึ่งเป็นเรื่องยากและกรมไม่มีความรู้โดยตรง

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ปัจจัยที่ท้าทายต่อสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต ได้แก่ 1.การฟื้นตัวจากโควิดท่ามกลางสงครามการค้าและราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น 2. การเปลี่ยนแปลงทางด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของภาคธุรกิจและผู้บริโภค 3.สังคมผู้สูงอายุส่งผลให้ธุรกิจด้านสุขภาพมีการเติบโตมากขึ้น และ 4.ภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลกทำให้ทุกประเทศต้องให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมโดยใช้มาตรการทางภาษีเป็นตัวขับเคลื่อน.

Source: ไทยรัฐออนไลน์

หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, มูลนิธิพลังงานสะอาดเพื่อประชาชน, สมาคมพลังงานหมุนเวียนไทย (อาร์อี100), คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา, กรมสรรพสามิต

วันพุธที่ 17 สิงหาคม 2565 เวลา 09.30 – 12.00 น.ผ่านระบบออนไลน์ ZOOM

วัตถุประสงค์

จากสภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ทุกกลุ่มธุรกิจต้องมีการปรับตัว ภาษีคาร์บอน Carbon TAX เป็นอีกกลไลหนึ่งที่ช่วยโลกให้ร้อนช้าลง หรือ เป็นเครื่องมือให้เกิดการกีดกันทางการค้าจากต่างประเทศ…แล้วใครต้องจ่าย..จ่ายกับใคร…จ่ายเมื่อไร…ไม่จ่ายจะเกิดอะไรขึ้น หาคำตอบได้จากงานเสวนาครั้งนี้

หัวข้อเสวนา

  • ภาษีคาร์บอน…คือใคร แล้วทำไมต้องจ่าย…จ่ายเมื่อไร ยังมี TAX อื่นอีกมั๊ย
  • ภาษีคาร์บอน VS. คาร์บอนเครดิต ต่างกันตรงไหน
  • ใครในประเทศต้องเกี่ยวข้องกับ ภาษีคาร์บอน
  • กลุ่มอุตสาหกรรมสินค้า…ที่ได้รับผลกระทบ ภาษีคาร์บอน EU และนอก EU เกี่ยวข้องหรือไม่
  • เตรียมรับมือกับ ภาษีคาร์บอน…อย่างไร
  • สถานการณ์…ตลาดคาร์บอนเครดิต ในประเทศไทย
  • Cap and Trade กลไกการซื้อขายในตลาดคาร์บอน เครดิต
  • ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ Mandatory VS. ภาคสมัครใจ Voluntary ต่างกันอย่างไร
  • การซื้อ-ขาย Trading Platform ในประเทศไทย
  • โครงสร้างภาษีและกฎระเบียบของกรมสรรพสามิต

ประธานงานเสวนา

คุณ พิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานคณะทำงานด้านพลังงาน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

ผู้ร่วมเสวนา

  1. ดร.สุวิทย์ ธรณินทร์พานิช ประธานคณะทำงาน กกร. ด้านพลังงาน
  2. คุณนที สิทธิประศาสน์ รองประธานกลุ่มพลังงานหมุนเวียน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
  3. คุณสุวัฒน์ กมลพนัส รองประธานคณะทำงานด้านพลังงาน หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
  4. คุณณัฐกร อุเทนสุต ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบควบคุมทางสรรพสามิต กรมสรรพสามิต

ดำเนินรายการโดย

ดร.ดิษฐา นนทิวรวงษ์ คณะทำงานด้านพลังงานหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

รวมไฟล์พรีเซนเทชั่น และเอกสาร งานเสวนา

ดาวน์โหลดคลิ้กที่นี่

รวมคำถามและคำตอบจากวิทยากร Version 1.0