พลังงานสะอาดมาแรง แซงทางโค้งไปทั่วโลก ล่าสุดเยอรมนีกำลังฮิตติดโซลาร์เซลล์ไว้ที่ระเบียงบ้าน รัฐส่งเสริมแจกเงินช่วยด้วย

ปัจจุบันนี้มีระบบโซลาร์เซลล์แบบเสียบใช้ไฟฟ้ามากกว่า 4 แสนตัวติดตั้งในเยอรมนี โดยชาวเยอรมันส่วนใหญ่มักจะติดตั้งพวกมันเอาไว้ที่ระเบียงบ้าน ซึ่งตัวเลขล่าสุดเผยให้เห็นว่า เฉพาะในช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 ก็มีระบบโซลาร์เซลล์ติดตั้งใหม่อย่างน้อย 50,000 ตัวแล้ว แสดงให้เห็นว่าเวลานี้ การติดตั้งโซลาร์เซลล์เอาไว้ใช้ในบ้านเรือนบูมขนาดไหน

กระแสการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในยุโรปเวลานี้ ไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าไฟ แต่มันยังสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานแบบดั้งเดิม ไปสู่พลังงานสะอาด โดยระยะหลังๆมานี้ในยุโรปจะพบเห็นการติดตั้งโซลาร์เซลล์เอาไว้ตามสถานที่ต่างๆ ทั้งมอเตอร์เวย์ ลานจอดรถ หลังคารถ และแม้แต่หลุมฝั่งศพ เพื่อเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์

    สำหรับการติดตั้งโซลาร์เซลล์ไว้ที่ระเบียง ก็จะแตกต่างจากการติดตั้งไว้บนหลังคาบ้าน โดยระบบที่ติดตั้งไว้ที่ระเบียงจะเล็กกว่า พวกมันจะสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้เพียงแค่ราว 10 เปอร์เซ็นต์ของการติดตั้งไว้บนหลังคา แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยความนิยมในเวลานี้ มีการคาดการณ์ว่า เยอรมนีน่าจะมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่ระเบียงบ้านจนสามารถผลิตไฟฟ้าได้รวมๆกันถึง 200 เมกะวัตต์

    แต่ถึงแม้จะได้ไฟฟ้าน้อยกว่า แต่การติดตั้งไว้ที่ระเบียงก็ง่ายกว่า สามารถสั่งซื้ออุปกรณ์ออนไลน์ และไม่จำเป็นต้องใช้ช่างไฟมาช่วยติดให้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงน้อยกว่า

    เยอรมนีนับว่าเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆของโลกที่ลงทุนให้กับเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์อย่างมาก และตอนนี้ เยอรมนีก็กลายมาเป็นประเทศที่สามารถผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ได้มากที่สุดในยุโรป

    ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงปี 2000 รัฐบาลพยายามโน้มน้าวให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกับการติดตั้งโซลาร์เซลล์ไว้บนหลังคา และมีการออกมาตรการต่างๆ เช่น มาตรการ Feed-in Tariffs ซึ่งเป็นมาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเอกชนเข้ามาลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน อีกทั้งยังมีการมอบเงินสนับสนุนให้ในระดับภูมิภาคด้วย และสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือ ปัจจุบันนี้ รัฐนอร์ทไรน์-เวสต์ฟาเลีย มีการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แบบเสียบเข้ากับไฟบ้านมากกว่า 80,000 ตัว ตามมาด้วยรัฐบาวาเรีย ซึ่งมีมากกว่า 60,000 ตัว

    ด้านสหภาพยุโรปประกาศว่า ชาติสมาชิกสามารถให้การช่วยเหลือการติดตั้งโซลาร์เซลล์เอาไว้ที่ระเบียงบ้านแบบเยอรมนีได้ แต่ว่าก็ไม่ใช่กฎระเบียบที่จริงจัง ดังนั้น หลายประเทศจึงไม่ได้มีมาตรการเรื่องโซลาร์เซลล์เหมือนเยอรมนี

    ขณะเดียวกันในเบลเยียม มีการสั่งห้ามใช้อุปกรณ์โซลาร์เซลล์แบบเสียบเข้ากับไฟบ้าน เพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดความเสียหายจากระบบที่ไม่ได้ระบการลงทะเบียน

    ที่มา : https://www.euronews.com/green/2024/04/21/solar-balconies-are-booming-in-germany-heres-what-you-need-to-know-about-the-popular-home-

    Source : Spring News

    ใครที่จะติดตั้ง “แผงโซลาร์เซลล์” เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดใช้เอง ต้องรู้แผงโซลาร์เซลล์ ทำงานดีสุด และมีประสิทธิภาพช่วงเวลา 10.00-14.00 น. แต่หากเมฆบังจะผลิตไฟได้ลดลงตามเวลาที่ถูกบดบัง

    เชื่อว่าหลายบ้านกำลังหาทางประหยัดค่าไฟ และผลิตไฟฟ้าใช้เองจากโซลาร์เซลล์ ซึ่งหลายบ้านติดตั้งไปแล้ว และหลายบ้านยังกำลังวางแผนที่จะติดตั้ง รับเทรนด์โลกที่หันมาใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น สำหรับใครที่อยากติดตั้ง“ โซลาร์เซลล์” ก่อนหน้านี้ #สปริงนิวส์ ได้พาเปิดเทคนิคว่าทิศไหนดีสุด ผลิตไฟได้มากกว่ากัน ! โดย นายพงศภัค นครศรี กรรมการบริหาร บริษัท ไอออน เอนเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ ION ผู้นำธุรกิจจัดหาโซลูชั่นพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์ครบวงจร ตั้งแต่การออกแบบ จัดหา และติดตั้ง รวมถึงการดูแลบริการหลังการขายสำหรับภาคครัวเรือน อสังหาริมทรัพย์และองค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

    เขาได้กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกมีแนวโน้มการใช้พลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพื่อลุยภารกิจพิชิต Net Zero สู่อนาคตที่ยั่งยืน เทรนด์ติดตั้ง Solar Roof มีเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัย (Residential) ด้วยเหตุผลภาระค่าไฟฟ้าที่กำลังเพิ่มขึ้น

    รู้ยัง? “แผงโซลาร์เซลล์” ทำงานดีสุด!  10.00-14.00 น. หากเมฆบังจะผลิตไฟลดลง

      ทั้งนี้ได้มีการเปิดเผยข้อมูลการติดตั้ง “โซลาร์เซลล์” ว่าทิศไหนดีสุด ผลิตไฟได้มากกว่ากัน รายละเอียดดังนี้

      • ทิศใต้  ผลิตไฟได้ 7,203 หน่วย/ปี
      • ทิศตะวันออก ผลิตไฟได้  6,830 หน่วย/ปี
      • ทิศตะวันตก ผลิตไฟได้  6,752 หน่วย หน่วย/ปี
      • ทิศเหนือผลิตไฟได้  หน่วย 6,275 หน่วย/ปี

      ส่วนใครที่สงสัยว่าแผงโซลาร์เซลล์ ทำงานดีสุด! ช่วงเวลาใด คำตอบ คือ

      • ระบบเริ่มทำงานตั้งแต่ 06.00 -18.00 น.
      • ความเข้มแสงสูงสุด คือ 10.00-14.00 น.
      • หากเมฆบังระบบรับแสงแดดได้ไม่ดี ทำให้การผลิตไฟลดลงในขณะนั้น
      • หากฝนตก แสงน้อยระบบแผงโซลาร์เซลล์ยังทำงานได้ แต่การผลิตจะต่ำลง

      Source : Spring News

      tb analytics คาดการณ์ว่าตลาดโซลาร์รูฟท็อปในไทย ปี 2568 เติบโตกระโดด 22% แตะ 6.7 หมื่นล้านบาท รับเทรนด์รักษ์โลก และรับมือแนวโน้มค่าไฟในอนาคต

      ตลาดโซลาร์รูฟท็อปในไทยยังเติบโตต่อเนื่อง คนแห่ติดตั้งเพื่อรับมือค่าไฟแพง และรับเทรนด์พลังงานสะอาด ที่กำลังมาแรง โดยศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics แนะผู้ประกอบการหันมาทำธุรกิจติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์สำหรับภาคครัวเรือนและธุรกิจ SMEs เพื่อรับมือค่าไฟในอนาคต และระยะเวลาคืนทุนเร็วขึ้น ส่งผลให้ตลาดโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ในประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดดเฉลี่ยปีละ 22% หรือแตะระดับ 6.7 หมื่นล้านบาท ในปี 2568

      ทั้งนี้มองว่าไทยต้องพึ่งแหล่งพลังงานจากต่างชาติทดแทนกำลังการผลิตในประเทศที่ลดลงมากกว่าที่ประเมินไว้ปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และเมียนมามีแนวโน้มลดลงมากกว่าที่ประเมินไว้ โดยแหล่งเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าของไทยทั้งหมดมาจากหลายแหล่ง (Electricity Mix) ซึ่ง 56.2% มาจากก๊าซธรรมชาติ (ส่วนใหญ่มาจากอ่าวไทยและเมียนมา) และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่นำเข้าจากต่างประเทศ

      ตลาด "โซลาร์รูฟท็อป" ปี’68 โตกระโดด 22%  แตะ 6.7 หมื่นล้านบาท

      ส่วนอีกราว 43.8% มาจากพลังงานรูปแบบอื่นๆ (พลังงานหมุนเวียน และนำเข้าจากต่างประเทศ) อย่างไรก็ดี ก๊าซธรรมชาติที่มีราคาถูกที่ผลิตจากอ่าวไทยกลับทยอยลดลงอย่างต่อเนื่อง และลดลงมากกว่าที่ประเมินไว้ และมีแนวโน้มลดลงเหลือต่ำกว่า 40% ในปี 2575

      ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในประเทศก็เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 0.7% ส่งผลให้ไทยจำเป็นต้องจัดหา และนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวเพิ่มเติมจากที่มีในสัญญาเพื่อรองรับความต้องการในการใช้งานในประเทศทำให้อีก 10 ปีข้างหน้า ไทยจำเป็นต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวจากต่างประเทศเกินกว่าครึ่งหนึ่งของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด

      อย่างไรก็ตาม ttb analytics ประเมินมูลค่าตลาดโซลาร์รูฟท็อปในไทยจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 22% นับตั้งแต่ปี 2565-2568 หรือแตะที่ระดับ 6.7 หมื่นล้านบาท จากค่าแผงโซลาร์เซลล์ และค่าติดตั้งที่ปรับลดลงจนทำให้ระยะเวลาคืนทุนเร็วขึ้นจากเดิมที่คืนทุนในเวลา 9-12 ปี เป็น 6-8 ปีในปัจจุบัน (ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางวัน)

      Source : Spring News

      เราอาจจะเคยเห็นตู้คอนเทนเนอร์พลังงานแสงอาทิตย์ หรือจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาดัดแปลงติดโซล่าร์เซลล์กันไปแล้ว ล่าสุดมีนวตกรรมใหม่เป็นโซล่าร์คอนเทนเนอร์ออกมาให้เราได้เห็นกัน ซึ่งความแตกต่างก็คือ จะไม่ใช่ตู้คอนเทนเนอร์แบบที่ใช้โซล่าร์เซลล์แบบเดิมๆ แต่จะเป็นการออกแบบแผงโซล่าร์เซลล์จำนวนมาก ให้สามารถพับเก็บและยืดออกได้ โดยในการพับเก็บนั้นจะประกบกันเข้าไปเป็นตู้คอนเทนเนอร์นั่นเอง

      โดยโซล่าร์คอนเทนเนอร์ จะรูปร่างหน้าตาเหมือนกับตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ภายในจะบรรจุไปด้วยแผงโซล่าร์เซลล์เป็นจำนวนมาก และไม่สามารถใช้เพื่อพักอาศัย หรือเป็นที่เก็บของได้ เรียกว่าจะเป็นแผงโซล่าร์เซลล์และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งหมดเลย

      ในการใช้งานนั้นต้องใช้การขนย้ายแบบเดียวกับการขนตู้คอนเทนเนอร์ทั่วไป จากนั้นเวลาติดตั้งก็จะต้องมีการเตรียมพื้นที่ในการจัดวาง มีการวางฐานเพื่อรองรับแผงโซลาร์เซลล์ให้มีความแข็งแรง โดยต้องมีการเชื่อมต่อโครงสร้างตามขนาดของแผงโซล่าร์เซลล์ที่จะทำการกางออกมา จากนั้นก็เพียงแค่กดปุ่มให้แผงเซลลาร์เซลล์กางออกมาจนเต็มพื้นที่ โดยแผงจะค่อยๆ เลื่อนยาวออกไปทั้ง 2 ฝั่งซ้าย และขวา โดยแต่ละด้านจะมีจำนวนแผงอยู่ที่ 24 แผง รวมทั้ง 2 ด้านจะได้ทั้งหมด 48 แผง ในการจัดเก็บก็จะใช้การกดปุ่มเพื่อให้ตัวแผงเลื่อนหดกลับเข้ามาประกบกันนั่นเอง ซึ่งดูแล้วก็ติดตั้ง และการจัดเก็บนั้น อาจจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการทำงานในครั้งนี้ด้วย ในการกางแผงจนสุดจะใช้เวลาประมาณ 27 นาที ไม่รวมการขนย้ายและติดตั้ง

      ข้อจำกัดของโซล่าร์คอนเทนเนอร์

      1. โซล่าร์คอนเทนเนอร์มีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมาก ต้องใช้รถขนาดใหญ่ในการขนย้าย
      2. ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการติดตั้ง
      3. ต้องได้รับการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ
      4. ราคายังค่อนข้างสูง

      ส่วนประกอบของโซล่าร์คอนเทนเนอร์

      โซล่าร์คอนเทนเนอร์ ถ้าดูจากการออกแบบแล้ว ก็จะเป็นการดีไซน์ส่วนของแผงโซล่าร์เซลล์แบบซ้อนพับกันได้ ประกบกันหลายๆ แผ่น เมื่อประกบกันแล้วจะมีลักษณะเหมือนกับตู้คอนเทนเนอร์นั่นเอง โดยส่วนประกอบนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 4 ส่วนด้วยกัน คือ ตู้คอนเทนเนอร์ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลัก และมีขนาดประมาณ 20 ฟุต ต่อไปก็จะเป็น แผงโซล่าร์เซลล์ที่เรียงพับประกบกันอยู่ ในการใช้งานก็สามารถกางออกแล้วพับเก็บได้ ต่อไปก็จะเป็นตัวอินเวอร์เตอร์ แบตเตอรี่สำหรับเก็บไฟ และอุปกรณ์ควบคุมต่างๆ สุดท้ายก็จะเป็นระบบไฟฟ้าสำหรับจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งความสะดวกของโซล่าร์คอนเทนเนอร์ที่ชัดเจนมากที่สุด ก็จะเป็นเรืองของอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถจัดเก็บรวมเข้าเป็นตู้คอนเทนเนอร์ได้เลย ทำให้มีความสะดวกในการขนย้ายไปใช้งานตามพื้นที่ต่างๆ ได้ทันที

      โซล่าร์คอนเทนเนอร์ เหมาะกับการใช้งานแบบไหน

      ด้วยการออกแบบโซล่าร์คอนเทนเนอร์ให้มีลักษณะแบบเดียวกับตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้มีข้อดีในเรื่องของความสะดวกในการเคลื่อนย้าย ความสามารถในการจัดเก็บแผง และสามารถขยายแผงออกมาได้เป็นจำนวนมาก จึงเหมาะสำหรับการนำไปใช้งานในพื้นที่ห่างไกลแบบชั่วคราว เช่น การไปจัดงานในพื้นที่ห่างไกล ที่ไม่มีไฟฟ้า และไม่สามารถขนเครื่องปั่นไฟขนาดใหญ่เข้าไปได้ รวมถึงไม่มีแหล่งพลังงานอื่นๆ รวมถึงการนำไปใช้งานกับบ้านพักอาศัย ที่มีข้อจำกัดในการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ในรูปแบบเดิมๆ เช่น การติดตั้งบนหลังคาที่ไม่เหมาะสมกับทิศทางของแสง เป็นต้น และหากจะนำไปใช้งานแบบถาวร ก็อาจจะต้องพิจารณาให้ดีว่า สามารถติดตั้งแบบปกติทั่วไปได้หรือไม่ เพราะโซล่าร์คอนเทนเนอร์จะมีข้อจำกัดในเรื่องของงบประมาณที่สูงกว่าการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์แบบปกตินั่นเอง

      ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งนวตกรรมของโซล่าร์เซลล์อีกรูปแบบ ที่ถือว่าช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานโซล่าร์เซลล์ในพื้นที่ห่างไกล และไม่สามารถติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์บนหลังคาได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดบางอย่าง แต่ก็คาดว่าจะมีการพัฒนาโซล่าร์คอนเทนเนอร์ให้มีความสะดวกทั้งในเรื่องของการขนย้าย และความง่ายในการติดตั้งให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงราคาที่ถูกลด เพื่อให้สามารถจัดหาซื้อมาใช้ได้กับทุกคน

      Source : Solarcontainer

      การตื่นตัวเพื่อลดปัญหาการเปลี่ยนแปลสภาพภูมิอากาศ และกระแสการส่งเสริมการผลิตและการใช้พลังงานหมุนเวียน ณ เวลานี้เกิดขึ้นในระดับประเทศและในระดับองค์กร

      การมีใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable Energy Certificate (REC) จึงถือเป็นกลไกหนึ่งที่ช่วยให้ผู้ผลิตและผู้ใช้ไฟฟ้าสามารถอ้างสิทธิ์การผลิตและการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ผ่านการซื้อและขายใบรับรอง REC เพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของหน่วยงานหรือองค์กร

      ทั้งนี้ การออกใบรับรอง REC จะมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ให้การรับรองแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งปัจจุบันมี REC ที่ผ่านการรับรองซื้อขายแล้ว 16.02 ล้าน REC และถ้ารวมในส่วนของกฟผ.ด้วยแล้วจะอยู่ที่ 20.15 ล้าน​ REC หรือราว 4,902.92 เมกะวัตต์ จากจำนวน 347 ราย ซึ่งอยู่ในกลุ่มของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก

      อย่างไรก็ดี การซื้อขาย REC กำลังจะเปิดโอกาสให้องค์กรและประชาชนรายย่อยที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปสามารถขอและขายใบรับรอง REC ได้ง่ายขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์มให้บริการขึ้นทะเบียนและขายใบรับรอง REC ที่จะเริ่มดำเนินการในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ถือเป็นการสร้างรายได้เพิ่มให้กับผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อย และส่งเสริมให้เกิดการผลิตและการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในประเทศ

      กฟผ.รับรองแล้ว 347 ราย ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ขาย REC สร้างรายได้เพิ่ม

      ดร.กรินทร์ บุญเลิศวณิชย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย ชี้ให้เห็นว่า การร่วมมือกับ บริษัท อินโนพาวเวอร์ ในครั้งนี้ จะเป็นการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดระบบนิเวศน์สีเขียวที่ยั่งยืน (Green Ecosystem) ผ่านการผลิตและการใช้พลังงานสะอาดในภาคประชาชน ถือเป็นครั้งแรกที่ประชาชนที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปจะมีช่องทางการให้บริการที่ง่ายและสะดวกในการขึ้นทะเบียน REC และทำการขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียนผ่านบริษัท อินโนพาวเวอร์ จากที่ผ่านมาจะเป็นการขึ้นทะเบียนให้กับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่เท่านั้น นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังได้ประโยชน์จากการขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียนอีกด้วย

      ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะช่วยจุดกระแสให้ประชาชนทั่วไปหันมาผลิตและใช้พลังงานสะอาดผ่านการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ให้สำเร็จ

      “ธนาคารได้ใช้ความเชี่ยวชาญด้านดิจิทัลในการพัฒนาบริการต่าง ๆ ให้กับโครงการฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาใน 3 ด้าน ได้แก่ 1) ให้บริการยืนยันตัวตนและนำส่งข้อมูลประกอบการขึ้นทะเบียน REC 2) ออกแบบ UX/UI และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสาระสนเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ติดตั้งโซลาร์รูฟสมัครใช้บริการขึ้นทะเบียน REC

      3) ให้บริการ Cash Management ซึ่งเป็นการพัฒนาโซลูชันทางการเงินที่เชื่อมต่อระหว่างธนาคาร อินโนพาวเวอร์ และลูกค้าที่ขาย REC ให้มีรูปแบบการชำระเงินที่เหมาะสม ปลอดภัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้ใช้รายย่อย และสร้างประสบการณ์ที่ดีในการรับ-จ่ายเงิน”

      นายอธิป ตันติวรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท เป็นผู้ให้บริการจัดหาและซื้อขายใบรับรอง REC ครบวงจร ซึ่งที่ผ่านมาได้ให้บริการกับองค์กรขนาดใหญ่ แต่ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทยเข้าไปช่วยรวบรวมกำลังการผลิตไฟฟ้าระดับรายบุคคลและองค์กรรายย่อยที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในภาคครัวเรือน ซึ่งส่วนใหญ่จะมีขนาดกำลังการผลิตไม่ถึง 500 กิโลวัตต์ ซึ่งมีจำนวนมาก และตลาดโซลาร์รูฟท็อปมีอัตราการเติบโตสูงถึงปีละ 26%

      บริษัทฯ จึงได้ร่วมมือกับธนาคารพัฒนา REC Aggregator Platform ผ่านการรวบรวมและจัดเตรียมข้อมูลการขึ้นทะเบียน REC เพื่อช่วยผู้ผลิตไฟฟ้ารายย่อยสามารถยื่นขอใบรับรอง REC ได้สะดวกขึ้น และอำนวยความสะดวกในการนำ REC ที่ออกและได้รับการรับรองไปจำหน่ายแก่ผู้รับซื้อ นอกจากจะช่วยให้ผู้ผลิตรายย่อยสามารถขาย REC เป็นรายได้อีกช่องทางหนึ่งแล้ว แพลตฟอร์มนี้ยังช่วยกระตุ้นให้การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในตลาดเติบโตยิ่งขึ้น และยังช่วยให้องค์กรและประเทศบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) อย่างเป็นรูปธรรม

      Source : ฐานเศรษฐกิจ