Highlight & Knowledge

รู้จักก๊าซเรือนกระจก 7 ชนิด ตัวการสำคัญทำโลกร้อน

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้กลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดของโลก โดยสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ ก๊าซเรือนกระจกเป็นก๊าซที่มีคุณสมบัติในการดูดซับและปลดปล่อยรังสีความร้อน ทำหน้าที่เสมือนผ้าห่มที่คลุมโลกไว้ แม้ว่าโดยธรรมชาติแล้ว ก๊าซเหล่านี้มีความจำเป็นต่อการรักษาอุณหภูมิของโลกให้เหมาะสมต่อการดำรงชีวิต แต่การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมของมนุษย์ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง

หากปราศจากก๊าซเรือนกระจกในชั้นบรรยากาศ โลกจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าปัจจุบันถึง 33 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ แต่ในทางกลับกัน การมีก๊าซเรือนกระจกมากเกินไปก็ส่งผลให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นำไปสู่การละลายของน้ำแข็งขั้วโลก การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล และการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกแต่ละชนิด ทั้งแหล่งกำเนิด ผลกระทบ และวิธีการลดการปล่อยก๊าซเหล่านี้ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการร่วมกันแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศและความยั่งยืนของโลกใบนี้ไว้ให้คนรุ่นต่อไป

ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับก๊าซเรือนกระจกชนิดต่างๆ ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก รวมถึงผลกระทบและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้

1.คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)

คาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีปริมาณการปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศมากที่สุด และมีอายุการคงอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานถึง 200 ปี ก๊าซนี้เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในภาคอุตสาหกรรม การคมนาคมขนส่ง และการผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ การตัดไม้ทำลายป่าและการเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ปริมาณ CO2 เพิ่มสูงขึ้น การปล่อย CO2 ที่มากเกินไปส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง

ผลกระทบที่สำคัญ

  • ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก
  • ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น
  • ทำให้ระบบนิเวศเสียสมดุล

2.มีเทน (CH4)

มีเทนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีประสิทธิภาพในการกักเก็บความร้อนสูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 84 เท่า แม้จะมีอายุการคงอยู่ในชั้นบรรยากาศเพียง 12 ปี แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมาก แหล่งกำเนิดหลักของก๊าซมีเทนมาจากการทำปศุสัตว์ โดยเฉพาะการเลี้ยงวัวและควาย การทำนาข้าว การจัดการขยะในหลุมฝังกลบ และการรั่วไหลจากการผลิตและขนส่งก๊าซธรรมชาติ การลดการปล่อยมีเทนจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ผลกระทบที่สำคัญ

  • เร่งการเกิดภาวะเรือนกระจกอย่างรุนแรง
  • ทำให้คุณภาพอากาศแย่ลง ส่งผลต่อสุขภาพ
  • ก่อให้เกิดหมอกควันและมลพิษทางอากาศ
  • ส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตร

3.ไนตรัสออกไซด์ (N2O)

ไนตรัสออกไซด์เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีประสิทธิภาพในการสร้างภาวะเรือนกระจกสูงถึง 260 เท่าของคาร์บอนไดออกไซด์ และสามารถคงอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานกว่า 100 ปี ก๊าซนี้เกิดขึ้นจากการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในภาคเกษตรกรรม กระบวนการอุตสาหกรรม และการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล นอกจากนี้ยังมีการปล่อยจากกระบวนการบำบัดน้ำเสียและการย่อยสลายของสารอินทรีย์ในดิน การควบคุมการใช้ปุ๋ยและการปรับปรุงกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซชนิดนี้

ผลกระทบที่สำคัญ

  • ทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศ
  • ส่งผลกระทบต่อระบบหายใจของมนุษย์
  • ทำให้เกิดฝนกรด
  • ส่งผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของดิน

4.ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอน (HFCs)

ไฮโดรฟลูออโรคาร์บอนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเพื่อใช้ทดแทนสารทำลายชั้นโอโซนในอุตสาหกรรมเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศ ก๊าซชนิดนี้มีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนสูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 12,400 เท่า แม้จะมีอายุการคงอยู่ในชั้นบรรยากาศเพียง 15-29 ปี แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นรุนแรงมาก การใช้งาน HFCs เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น

ผลกระทบที่สำคัญ

  • ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในวงกว้าง
  • เร่งการเกิดภาวะเรือนกระจกอย่างรุนแรง
  • ทำให้อุณหภูมิในชั้นบรรยากาศเพิ่มสูงขึ้น
  • เป็นอันตรายต่อสุขภาพหากสูดดมโดยตรง
  • ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว

5.เพอร์ฟลูออโรคาร์บอน (PFCs)

เพอร์ฟลูออโรคาร์บอนเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตสารกึ่งตัวนำ รวมถึงในกระบวนการหลอมอะลูมิเนียม ก๊าซชนิดนี้มีความคงทนสูงมากและสามารถอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานถึง 2,600-50,000 ปี ศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนของ PFCs สูงกว่า CO2 ถึง 7,390-12,200 เท่า การปล่อย PFCs แม้ในปริมาณเล็กน้อยก็สามารถส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศได้ในระยะยาว

ผลกระทบที่สำคัญ

  • ทำลายชั้นบรรยากาศอย่างถาวร
  • ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศเป็นเวลานานหลายพันปี
  • เพิ่มอุณหภูมิของชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง
  • ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในระยะยาว
  • เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตหากได้รับในปริมาณมาก

6.ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์ (SF6)

ซัลเฟอร์เฮกซะฟลูออไรด์เป็นก๊าซเรือนกระจกที่มีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนสูงที่สุดในบรรดาก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด โดยมีค่าสูงกว่า CO2 ถึง 23,500 เท่า ก๊าซชนิดนี้ถูกใช้เป็นฉนวนไฟฟ้าในอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง และในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ SF6 สามารถคงอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานถึง 3,200 ปี ทำให้การปล่อยก๊าซชนิดนี้แม้เพียงเล็กน้อยก็ส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศอย่างยาวนาน

ผลกระทบที่สำคัญ

  • ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกรุนแรงที่สุด
  • ทำลายชั้นบรรยากาศอย่างถาวร
  • ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศเป็นเวลานานหลายพันปี
  • เป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพหากสูดดม
  • ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง

7.ไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์ (NF3)

ไนโตรเจนไตรฟลูออไรด์เป็นก๊าซเรือนกระจกที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในการผลิตจอ LCD หน่วยความจำ และแผงโซลาร์เซลล์ ก๊าซชนิดนี้มีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนสูงถึง 17,200 เท่าของ CO2 และสามารถคงอยู่ในชั้นบรรยากาศได้นานถึง 740 ปี การใช้งาน NF3 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์

ผลกระทบที่สำคัญ

  • ทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศ
  • มีความเป็นพิษสูงต่อสิ่งมีชีวิต
  • ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในระยะยาว
  • ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
  • เป็นอันตรายร้ายแรงต่อระบบทางเดินหายใจ

บทสรุป

ก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gases) เป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญระดับโลกที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะก๊าซที่มนุษย์สังเคราะห์ขึ้นอย่างกลุ่มฟลูออริเนตที่มีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนสูงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายพันเท่า การแก้ไขปัญหาก๊าซเรือนกระจกจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากแหล่งกำเนิดต่างๆ พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันของแต่ละคนมีส่วนสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การประหยัดพลังงาน การใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และการลดการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก หากเราไม่เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ ผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจกจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระบบนิเวศ และคุณภาพชีวิตของมนุษย์ในระยะยาว การสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับก๊าซเรือนกระจกจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการร่วมกันแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน

Photo : freepik

จากขยะสู่พลังงานกับ 6 เทคโนโลยีเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานสะอาด

ปัญหาขยะล้นเมืองกำลังเป็นความท้าทายสำคัญของสังคมไทยและทั่วโลก ในแต่ละวันประเทศไทยมีขยะมูลฝอยเกิดขึ้นมากกว่า 70,000 ตันต่อวัน ซึ่งการกำจัดด้วยวิธีการฝังกลบแบบเดิมไม่เพียงพอ และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมปัจจุบัน เทคโนโลยีการแปรรูปขยะเป็นพลังงานได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากสามารถแก้ปัญหาได้ทั้งด้านการจัดการขยะและการผลิตพลังงานทดแทน โดยภาครัฐได้กำหนดเป้าหมายการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น…

4 ความเข้าใจผิดๆ เกี่ยวกับการติดโซลาร์เซลล์

หลังจากที่ค่าไฟแพง กระแสของการติดโซลาร์เซลล์ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายคนมุ่งหวังที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าลงในระยะยาว ซึ่งปัจจุบันนี้มีผู้ให้บริการติดตั้งโซลาร์เซลล์เกิดขึ้นมากมาย และที่สำคัญที่สุด ราคาค่าอุปกรณ์และค่าติดตั้งถูกลงกว่าเดิมมาก และอุปกรณ์ต่างๆ ก็มีความทันสมัยมากขึ้น สามารถดูสถานะต่างๆ ของระบบได้ผ่านมือถือกันเลยทีเดียว…

รู้จักโครงการ BAAC Carbon Credit ส่งเสริมการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ร่วมกับธนาคารต้นไม้และชุมชนไม้มีค่า

โครงการ BAAC Carbon Credit เป็นโครงการของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใต้แนวคิด "สร้างรายได้ให้ชุมชน คืนสู่ธรรมชาติ" โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมให้ชุมชนธนาคารต้นไม้สามารถขายคาร์บอนเครดิตเพื่อนำรายได้มาพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปลูกต้นไม้ต่อไป…