ข่าวดี ! ของพี่น้องประชาชน และภาคธุรกิจ การประชุมครม.นัดแรกกำลังจะมีการพิจารณา ลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 30 บาท/ลิตร ลดค่าไฟ 20 สตางค์ ช่วยเหลือประชาชน
เรื่องการลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 30 บาท/ลิตร ลดค่าไฟฟ้าลงอีก 20 สตางค์ เป็นเรื่องที่ประชาชนกำลังจับตามองอย่างมากในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา 1 ที่จะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 12 กันยายน 2566 นี้ โดยก่อนหน้านี้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ออกมาประกาศว่าจะลดราคาน้ำมันดีเซล ลดค่าไฟฟ้า ทันทีในการประชุมครม.นัดแรก
ทั้งนี้ราคาน้ำมันดีเซล ราคาขายปลีกหน้าปั๊มปัจจุบันอยู่ที่ 31.94 บาท/ลิตร ซึ่งได้รับสนับสนุนจากกองทุนน้ำมัน 6.43 บาท/ลิตร เสียภาษีสรรพสามิต 6.58 บาท/ลิตร และยังเสียภาษีท้องถิ่นอีก 10 % ส่วนค่าไฟฟ้างวดปัจจุบัน (1 ก.ย.- 31 ธ.ค.66 ) เรียกเก็บอยู่ที่ 4.45 บาท/หน่วย
อย่างไรก็ตามมีคาดการณ์จากผลสำรวจความคิดเห็นภาคธุรกิจ ผู้ประกอบการ และประชาชนว่าหากมีการประกาศลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 30 บาท/ลิตร และลดค่าไฟฟ้า 20 สตางค์ ได้จริงในการประชุมครม.นัดแรก จะต้องมีการลดภาษีสรรพสามิตให้เหลือ 4.64 บาท/ลิตร ลดภาระกองทุนน้ำมันที่ยังติดลบอยู่ จึงจะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 30 บาท/ลิตร ได้
ต่อมา คือ ค่าไฟ คาดว่าจะมีการลดลงอีก 0.20 บาท/หน่วย เหลือ 4.25 บาท/หน่วย ซึ่งเป็นความต้องการของภาคธุรกิจจากการสำรวจความคิดเห็น ส่วนประชาชนต้องการให้ลดเหลือ 4.20 บาท/หน่วย โดยหลักการที่จะลดค่าไฟฟ้าได้ คือการยืดหนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)
พร้อมกันนี้จะพามาฟังจากปากของนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ และว่าที่ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผย ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า ยืนยันว่าจะมีการปรับลดจริง แต่ตัวเลขการปรับลดทั้งลดราคาน้ำมันดีเซลเหลือ 30 บาท/ลิตร และลดค่าไฟฟ้า 20 สตางค์ ตามที่เป็นข่าวเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับของจริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะต้องรอกระบวนการครม.เคาะอีกทีในเร็วๆนี้ โดยแผนงานทั้งหมดเป็นการเร่งแก้ไขความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน และภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบ
นายจุลพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลไกที่จะปรับลดราคาน้ำมันดีเซลต้องใช้การลดภาษีสรรพสามิต และปรับลดภาระกองทุนน้ำมันลงให้ได้ หากจะปรับโครงสร้างกองทุนน้ำมันระยะยาวก็ต้องรื้อโครงสร้างเดิมก่อนให้ได้ทั้งกระดาน รวมถึงการควบคุมภาษีท้องถิ่น และค่ากลั่นต่างๆหน้าโรงกลั่นด้วย
Source : Spring News