กฟผ. เปิดบ้านให้คำปรึกษา พร้อมให้บริการระบบบริหารจัดการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า “BackEN EV” ให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการสถานีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน ตัวแปรสำคัญหนุนรายได้องค์กร สร้างความมั่นใจให้ผู้สนใจธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
กระแส รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยยังคงแรงต่อเนื่องและเติบโตแบบก้าวกระโดด จากข้อมูลสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) พบว่า ปี 2566 รถยนต์ไฟฟ้า BEV มียอดจดทะเบียนจำนวน 76,366 คัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มียอดจดทะเบียนทั้งสิ้น 9,678 คัน โดยยอดจดทะเบียนสะสม BEV มียอดเพิ่มขึ้นจาก 32,081 คัน ในปี 2565 เป็น 131,856 คัน ในปี 2566 เติบโตมากกว่า 300 %
ทั้งนี้ ตามนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต EV และชิ้นส่วนสำคัญของโลก ปัจจุบันผู้ประกอบการ EV จากต่างประเทศโดยเฉพาะจีน ได้เข้ามาขอรับการสนับสนุนการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI จำนวนมาก ส่งผลให้การแข่งขันของ ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ในประเทศเข้มข้นขึ้น ทั้งรถยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จ และเครื่องชาร์จสำหรับที่พักอาศัย
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ กฟผ. จึงได้เพิ่มบทบาทจากการเป็นผู้ดูแลความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศ สู่หน่วยงานที่เร่งเครื่องเดินหน้ารุกธุรกิจ EV พร้อมเป้าหมายสนับสนุนระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (Ecosystem) เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการใช้ EV ทั้งที่บ้านและพื้นที่สาธารณะ ผ่านหน่วยงาน EGAT EV Business Solutions
นายพิชิต พงษ์ประเสริฐ หัวหน้าหน่วยงาน EGAT EV Business Solutions กฟผ. กล่าวว่า กฟผ. เป็นกลไกสำคัญหนึ่งของภาครัฐในการวางโครงสร้างพื้นฐานให้กับอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นใจให้คนไทยได้เปลี่ยนมาใช้ ยานยนต์ไฟฟ้า และดึงดูดนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนอุตสาหกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
ปัจจุบัน กฟผ. ดำเนินธุรกิจเพื่อส่งเสริมระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (Ecosystem) แบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
- สถานีชาร์จ EleX by EGAT โดยร่วมกับพาร์ตเนอร์ทั้งภาครัฐและเอกชน
- แอปพลิเคชัน EleXA ค้นหาสถานีชาร์จ EV ได้ทั่วประเทศ
- ระบบบริการจัดการ BackEN EV โดยการใช้งานของทั้ง 3 ส่วนนี้ จะสามารถสื่อสารกับระบบปฏิบัติการร่วมกันช่วยให้การใช้งานง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น
สำหรับการส่งเสริม EV Ecosystem ถือเป็นภารกิจของ กฟผ. ให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลรองรับการเติบโตของ EV ไทย โดยบริษัทในกลุ่ม กฟผ. บริษัท อีแกท ไดมอนด์ เซอร์วิส จำกัด และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด ได้พัฒนาและผลิตเครื่องอัดประจุไฟฟ้า DC Fast Charger สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้า EleX by EGAT ที่มีการขยายครอบคลุมทั่วพื้นที่ประเทศไทยกว่า 190 สถานี พร้อมพัฒนาแอปพลิเคชัน EleXA ที่ปรับปรุงตามความต้องการของลูกค้า ในเรื่องระบบการจองคิวที่มีสถานีในเครือข่ายเพิ่มขึ้น และได้พัฒนาระบบบริหารจัดการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า BackEN EV แพลตฟอร์มที่จะช่วยบริหารจัดการ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า อย่างมีประสิทธิภาพ สนับสนุนอีโคซิสเต็มยานยนต์ไฟฟ้าแข็งแรงขึ้น โดยมีส่วนช่วยลูกค้าสำคัญใน 2 ส่วนหลัก คือ ลดต้นทุน และดึงลูกค้าเข้าใช้บริการในสถานประกอบการมากขึ้น
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา กฟผ. พร้อมเปิดให้คำปรึกษาพร้อมเจรจาธุรกิจแก่ผู้ประกอบการที่สนใจธุรกิจชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยผู้เชี่ยวขาญด้านธุรกิจ EV กฟผ. ช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการในการเริ่มต้นในการลงทุนในธุรกิจ ตั้งแต่รูปแบบโมเดลการลงทุนติดตั้งสถานีชาร์จ ผลตอบแทนจากการลงทุน การเลือกตำแหน่งสถานีที่เหมาะสมกับสถานที่พร้อมให้บริการระบบ BackEN EV ที่บริหารจัดการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงกับแอปพลิเคชัน EleXA ที่มีฐานกลุ่มลูกค้าผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเดิม ช่วยให้ผู้ประกอบการมีสถานีชาร์จได้ง่ายขึ้น สร้างรายได้เพิ่มเติมให้กับธุรกิจเดิมของผู้ประกอบการ โดยสามารถติดต่อรับคำปรึกษาได้ที่ กฟผ. สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
“ปัจจุบัน กฟผ. มีลูกค้า BackEN EV แล้วกว่า 90 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ ฯลฯ ดังนั้น กฟผ. ถือเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการสถานีชาร์จ EV ที่มีลูกค้าใช้บริการจำนวนมาก ด้วยความเชื่อมั่นด้านเสถียรภาพทีมั่นคง นำข้อเสนอแนะของลูกค้ามาปรับให้สอดคล้องกับความต้องการ” นายพิชิต กล่าว
นอกจากนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจทั่วประเทศ ได้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น ในปีนี้ กฟผ. ได้จัด BackEN EV on Tour 2024 เดินสายให้คำปรึกษากับผู้สนใจธุรกิจ EV ทั่วประเทศ โดยเพิ่งจบไปเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 67 ณ สภากาแฟ’ 36 หาดใหญ่ จ.สงขลา มีประชาชน ผู้ประกอบการ สนใจมารับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญการลงทุนสถานีชาร์จรถ EV อย่างคับคั่ง
เส้นทางต่อไปคือ วันที่ 25 ก.ย. 67 เวลา 09.30 – 12.00 น. ณ Addink Co-Working จ.อุบลราชธานี และ 10 ต.ค. 67 เวลา 09.30 – 12.00 น. ณ Blu Monkey จ.จันทบุรี ลงทะเบียนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย คลิกที่นี่ และสามารถนัดหมาย ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมผ่าน LINE OA: @BackENEV หรือโทร. 095-356-9446
Source : กรุงเทพธุรกิจ