News & Update

‘พลิกเกมธุรกิจ’ ขานรับภาษีคาร์บอน

สวัสดีครับ ความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศเป็นเรื่องที่ไม่สามารถแยกจากกันได้ครับ ทั้งความเสี่ยงด้านกายภาพ (Physical Risk) และความเสี่ยงจากการเปลี่ยนผ่าน (Transition Risk) ในแง่การทำธุรกิจโดยเฉพาะด้านภาคการผลิตและการส่งออก

เรากำลังจะมีอีกหนึ่งมาตรการที่ทุกภาคส่วนต้องทำความเข้าใจนั่นคือ มาตรการเก็บภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) ที่จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือเชิงนโยบายในการผลักดันประเทศไทยสู่หนทาง Net Zero ตามที่ได้วาดหวังไว้

ที่ผ่านมาเราได้เห็นพัฒนาการสำคัญเกี่ยวกับแนวทางการลดคาร์บอนหลายด้าน ทั้งแนวคิดเรื่อง Emission Trading System (ETS) หรือระบบการซื้อขายสิทธิในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่กำลังจะเป็นรูปเป็นร่าง และโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ (T-VER) ขณะที่มาตรการด้านภาษีคาร์บอนจะเข้ามาเป็นอีกกลไกที่สนับสนุนประเทศไทยให้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยแนวคิดที่ทำให้ธุรกิจหรือผู้ที่ปล่อยคาร์บอนตระหนักว่าทุกการกระทำล้วนมี “ราคาที่ต้องจ่าย” โดยทั้งหมดที่กล่าวมาจะถูกบรรจุอยู่ใน ร่าง พ.ร.บ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. … (พ.ร.บ.โลกร้อน) ที่กำลังอยู่ในกระบวนการออกเป็นกฎหมายเพื่อบังคับใช้ต่อไป

เมื่อพูดถึงภาษี สิ่งที่จะตามมาคือเรื่องของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ที่สำคัญใน พ.ศ. 2569 สหภาพยุโรปเตรียมบังคับใช้มาตรการปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเก็บส่วนต่างราคาคาร์บอนจากสินค้าที่นำเข้า 6 ประเภท ได้แก่ เหล็ก อะลูมิเนียม ปูนซีเมนต์ ปุ๋ย ไฮโดรเจน ไฟฟ้า หากบ้านเราเริ่ม “ขยับตัว” ให้ทันกับแนวทางดังกล่าว เช่น เริ่มจัดเก็บภาษีคาร์บอนตั้งแต่ต้นทาง อาจช่วยให้เราสามารถเจรจาเพื่อหักลบภาษีกับสหภาพยุโรปได้อย่างมีหลักการสนับสนุนที่หนักแน่น

สำหรับประเทศไทย ในเบื้องต้นเราจะผนวกการจัดเก็บภาษีคาร์บอนจากผลิตภัณฑ์น้ำมันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาษีสรรพสามิตเดิม ในปี พ.ศ. 2568 นี้ โดยจะแยกชั้นภาษีให้เห็นชัดเจน แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะภาษีดังกล่าวมุ่งเน้นสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องต้นทุนของคาร์บอน โดยไม่ได้ทำให้ภาษีสรรพสามิตเพิ่มขึ้นและไม่ได้มีผลกับราคาน้ำมันแต่ประการใด เมื่อ พ.ร.บ. โลกร้อนมีผลบังคับใช้แล้ว จะมีการจัดเก็บภาษีที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง

ในต่างประเทศ สวีเดนที่ถือเป็น “ผู้บุกเบิก” ระบบภาษีคาร์บอนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ได้เก็บภาษีคาร์บอนอยู่ที่ 134 ยูโรต่อ 1 ตัน (ประมาณ 4,900 บาท) ขณะที่เพื่อนบ้านเราอย่างสิงคโปร์ได้มีการบังคับใช้ “Singapore Carbon Pricing Act “ หรือกฎหมายด้านการจัดเก็บภาษีคาร์บอนเมื่อปี พ.ศ. 2562  โดยจะเก็บภาษีกับโรงงานที่ปล่อยคาร์บอนซึ่งเทียบเท่าหรือมากกว่า 25,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตัน (ประมาณ 125 บาท) และอาจเพิ่มสูงสุดได้ถึง 80 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อตัน (ประมาณ 2,000 บาท) จากข้อมูลล่าสุดประเทศไทยได้กำหนดอัตราภาษีคาร์บอนที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งราคานี้เองจะถูกนำมาคำนวณค่าภาษีคาร์บอนต่อไป

ในมุมการทำธุรกิจ แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องเพิ่มเข้าไปด้วยในแง่บัญชีคือต้นทุนด้านคาร์บอนที่ต้องคำนวณเพิ่ม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเข้มข้น (Carbon Intensive Industry) ธุรกิจต่างๆ จึงควรหันมาใช้ประโยชน์จากภูมิทัศน์ด้านการเงินและสิ่งแวดล้อมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป ผ่านการลงทุนปรับเปลี่ยนแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานที่อาจสามารถลดภาระด้านภาษีและต้นทุน รวมถึงหาแนวทางการจัดการการปล่อยคาร์บอนเชิงรุกให้สอดคล้องกับความคาดหวังด้าน ESG ของนักลงทุนครับ

ในแง่ของสถาบันการเงินและนักลงทุน การคำนึงถึงมิติด้านภาษีคาร์บอนเข้ากับกลยุทธ์ดำเนินงานและการลงทุนควรเข้ามาเป็นหนึ่งใน “สมการ” ด้านการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย โดยในช่วงแรก ภาษีคาร์บอนอาจดูเหมือนความท้าทาย แต่หากมองให้ดีเปรียบเสมือน “โอกาส” ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมสีเขียว รวมถึงกลับไปพิจารณา (Revisit) เป้าหมายด้านความยั่งยืนของธุรกิจ คำถามที่น่าสนใจอาจจะไม่ใช่ว่าภาษีคาร์บอนจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือไม่ แต่อาจเป็นคำถามว่าเราจะปรับตัวอย่างไรในระบบเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เตรียมพร้อมวันนี้ เพื่อความได้เปรียบในวันหน้านั่นเองครับ

\'พลิกเกมธุรกิจ\' ขานรับภาษีคาร์บอน

Source : กรุงเทพธุรกิจ

ทำไม “แอฟริกา” ถึงเป็นทวีปที่มีศักยภาพด้าน “พลังงานแสงอาทิตย์” มากที่สุดในโลก

สถิติจากรายงาน Global Solar Atlas ที่จัดทำให้กับธนาคารโลก เผยให้เห็นศักยภาพโดยเฉลี่ยของพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลก พบว่าทวีป “แอฟริกา” นำหน้าภูมิภาคอื่นๆ ของโลก เมื่อรวมผลผลิตโดยเฉลี่ยในระยะยาวของการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดสาธารณูปโภคในแต่ละประเทศ…

‘เอกชน’ แนะเร่งโรงไฟฟ้า ‘นิวเคลียร์’ ชี้แผน PDP ‘แค่ได้ทำ-ไม่ตอบโจทย์’

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ ประธานคณะกรรมการบริหาร หอการค้านานาชาติแห่งประเทศไทย (ICC Thailand) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญกับปัญหาในมุมการเมืองที่ยังค่อนข้างลำบาก ในขณะที่มุมมองเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ก็ยังน่ากังวล แม้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปลายปีนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะมา…

ธุรกิจไบโอดีเซลไทยปี 2568 และความเสี่ยงของตลาดไบโอดีเซลในระยะกลางถึงยาว

ไบโอดีเซล (Biodiesel) หรือ B100 คือเชื้อเพลิงเหลวที่ผลิตจากน้ำมันพืช ไขมันสัตว์ หรือ น้ำมันที่ใช้ประกอบอาหารแล้ว ซึ่งสามารถนำมาใช้ทดแทนน้ำมันดีเซลจากปิโตรเลียมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ…