เครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟค่อนข้างมาก ก็คงจะหนีไม่พ้นเครื่องปรับอากาศ หรือเราเรียกกันสั้นๆ ว่า แอร์ นั่นเอง ยิ่งในช่วงหน้าร้อนนี้ หลายคนต้องจ่ายค่าไฟมากเป็นพิเศษ เพราะเปิดแอร์กันฉ่ำๆ ตลอดวัน วันนี้ทางทีมงานเลยขอนำเสนอวิธีการใช้งานแอร์ และวิธีดูแลรักษาแอร์ ให้ประหยัดไฟได้จริงๆ จะมีวิธีการอย่างไรบ้างนั้นติดตามกันได้เลย
1.ติดตั้งแอร์ และคอมเพรสเซอรแอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสม
สำหรับใครที่ติดตั้งแอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ก็อาจจะลำบากในการเลือกตำแหน่งแอร์ให้เหมาะสม แต่ก็สามารถตรวจสอบดูได้ครับว่า ตำแหน่งที่ติดตั้งไปแล้วเหมาะสมดีหรือไม่ หลักการง่ายๆ ก็คือ ตัวแอร์ที่อยู่ภายในห้อง ควรอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีอะไรบัง เพื่อให้ลมสามารถกระจายไปได้ทั่วถึง หากใครที่เอาของไปไปไว ก็แนะนำให้ย้ายออกให้เรียบร้อย สำหรับคอมเพรสเซอร์ที่อยู่ด้านนอก ก็ไม่ควรจะมีอะไรบังเช่นกัน ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนระหว่างการทำงานของเครื่องได้ดีมากยิ่งขึ้น และควรจะอยู่ในบริเวณที่ร่มจะดีที่สุด นอกจากนี้อย่าลืมดูด้วยว่า คอมเพรสเซอร์ ปล่อยลมร้อนไปยังเพื่อนบ้านหรือเปล่า ถ้าใช่แนะนำให้หาซื้อตัวบังคับทิศทางลมมาติดตั้งเพิ่มเติม จะได้ไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้านครับ
2.ใช้แอร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ และไม่ควรใช้ในพื้นที่เปิด
เวลาเลือกซื้อแอร์ ควรพิจารณาขนาดของแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่เราใช้ด้วย ซึ่งจะช่วยให้เครื่องไม่ทำงานหนักเกินไป ใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึน หากไม่สามารถคำนวณได้เอง ก็สามารถปรึกษากับพนักงานขาย หรือช่างแอร์ได้เลย นอกจากนี้ไม่แนะนำให้ใช้แอร์ในพื้นที่เปิด หรือห้องที่มีช่องขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก เพราะจะส่งผลให้แอร์นั้นทำงานหนักตลอดเวลา และทำให้มีการใช้ไฟเพิ่มมากขึ้นนั่นเอง หากห้องไหนที่ต้องการติดแอร์ไว้ใช้ แต่เป็นห้องเปิด ก็แนะนำให้ทำฉากกั้นแอร์ ในปัจจุบันมีทั้งเป็นแบบแผ่นเลื่อนปิด หรือจะกั้นห้องด้วยกระจกพร้อมโครงสร้างอลูมิเนียมก็ได้ นอกจากจะประหยัดไฟแล้ว ยังทำให้ห้องเย็นเร็วขึ้นอีกด้วย สำหรับใครที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้ได้ แนะนำว่าอาจจะต้องเปลี่ยนไปเลือกซื้อแอร์แบบเคลื่อนที่ พร้อมมุ้งสำหรับแอร์เคลื่อนที่แทน แบบนี้อาจจะเหมาะกับบ้านรุ่นเก่ามากๆ ที่ไม่สามารถจัดพื้นที่สำหรับติดแอร์ได้เลย แต่ก่อนจะเลือกก็แนะนำให้คำนวณค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบให้ดีก่อน ว่าแบบไหนประหยัดกว่ากัน ซึ่งแบบที่เหมาะสมที่สุด สะดวก และคุ้มค่า ก็จะเป็นการติดตั้งแอร์ให้เหมาะสมกับพื้นที่ พร้อมกั้นห้องให้ไม่เป็นพื้นที่เปิด
3. ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม
คำแนะนำเรื่องอุณหภูมิที่เหมาะสม ปกติจะอยู่ที่ 25 องศา เชื่อว่าหลายคนน่าจะทราบกันอยู่แล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการทดสอบอุณหภูมิที่ช่วยประหยัดไฟเพิ่มขึ้นกว่าเดิม ได้ผลออกมาคือ ที่ 26 หรือ 27 องศา แล้วใช้การเปิดพัดลมช่วยเอา จะประหยัดไฟกว่าเดิมได้ค่อนข้างมากเลยทีเดียว จะเปิดที่ 26 หรือ 27 ก็ให้ดูตามความเหมาะสมของแต่ละท่านครับ แต่ที่แน่ๆ ประหยัดไฟกว่าเปิดที่ 25 องศา อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบการเปิดแรงลมของแอร์ด้วย พบว่าการเปิดแรงลมให้น้อย เช่น ที่ระดับ 1 หรือ 2 จะประหยัดไฟมากกว่าเปิดแรงลมที่ระดับ 5 อีกด้วย ทั้งนี้ก็แนะนำว่าให้เลือกปรับตามความเหมาะสมก็แล้วกัน เพราะแต่ละคนอาจจะรู้สึกร้อน หรือเย็นต่างกันไป อาจจะเริ่มจากคำแนะนำที่ 27 องศา แล้วเปิดพัดลมช่วยก่อน ถ้ายังรู้สึกร้อนอยู่ก็ปรับเป็น 26 องศาแทน
4.งดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูงขณะเปิดแอร์
สำหรับข้อนี้ถ้างดได้ แนะนำให้งดดีที่สุด เพราะว่าการที่เราใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความร้อนสูงในห้องที่เปิดแอร์ จะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักมากขึ้น ส่งผลให้กินไฟเพิ่มขึ้น ซึ่งเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ก็ได้แค่ เครื่องเป่าผม กระทะไฟฟ้า หม้อชาบู เป็นต้น แนะนำว่าถ้าต้องการใช้ ก็ควรใช้ให้เรียบร้อยก่อนเปิดแอร์ เช่น เป่าผมให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเปิดแอร์ หรือใครที่อยากกินหมูกระทะ ชาบู ก็แนะนำให้เปิดห้องให้โล่ง แล้วใช้พัดลมระบายความร้อนแทน นอกจากจะช่วยให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนักแล้ว ยังช่วยให้กลิ่นไม่ติดอยู่ในห้องอีกด้วย
5.ตั้งเวลาปิดแอร์ล่วงหน้า
หลายคนยังไม่ทราบว่าเราสามารถตั้งเวลาปิดแอร์ล่วงหน้าได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดไฟได้เพิ่มขึ้น คำแนะนำที่เหมาะสม ก็ควรตั้งปิดแอร์ก่อนประมาณ 30 นาที ซึ่งภายในห้องยังมีความเย็นหลงเหลืออยู่ สำหรับระยะเวลาในการตั้งนี้ อาจจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมของแต่ละท่านนะครับ หรือใครที่คิดว่าไม่อยากตั้งปิดก่อน กลัวจะร้อน หรือหายใจไม่ออก จะเลือกที่ไม่ทำก็ได้ครับ แต่ถ้าทำก็จะเป็นอีกทางเลือกในการช่วยประหยัดไฟนั่นเอง
6.ทำความสะอาด และล้างแอร์เป็นประจำ
หากเราเป็นผู้ใช้งานทั่วไปที่ล้างแอร์ไม่เป็น ก็สามารถดูแลเบื้องต้นเป็นประจำได้ ด้วยการถอดแผ่นกรองฝุ่นมาทำความสะอาดได้เลย สำหรับวิธีการถอดนั้นบอกเลยว่าไม่ยาก สามารถดูในคู่มือได้เลย และหากใช้ไปสักระยะหนึ่ง อาจจะเป็นทุก 6 เดือน หรือทุก 1 ปี ระยะเวลาขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละบ้านนะครับ ให้เรียกช่างมาล้างแอร์สักครั้ง ซึ่งจะช่วยให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยให้ลมผ่านได้ดี นอกจากนี้แนะนำให้เอาน้ำฉีดล้างคอมเพรสเซอร์ด้านนอกตัวบ้านบริเวณแผงระบายความร้อนแอร์ด้วยนะครับ สุดท้ายนี้ถ้าใครไม่ถนัดทำเอง ก็แนะนำให้ช่างทำจะดีที่สุดครับ แม้ว่าในร้านค้าออนไลน์จะมีอุปกรณ์ทำความสะอาดและล้างแอร์ขาย แต่ก็ช่วยทำความสะอาดและล้างได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น หากเป็นช่างแอร์มาล้างให้ ก็จะถอดทุกชิ้นส่วนออกมาล้างสะอาดกว่าแน่นอนครับ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการและคำแนะนำในการใช้งานแอร์ และดูแลรักษาแอร์ เพื่อช่วยให้ประหยัดไฟมากยิ่งขึ้น ก็นำไปลองทำกันดูนะครับ รับรองว่าในเดือนต่อไปประหยัดค่าไฟได้แน่นอน
Photo : Freepik