คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) กางแผนรับมือหลายแนวทาง กรณีคลังปรับขึ้นภาษีดีเซล หลังหมดมาตรการลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร 20 พ.ย. 2565 ชี้การปรับขึ้นราคาเพียง 1 บาทต่อลิตร ก็กระทบเงินกองทุนฯแน่นอน เหตุเงินกู้ 1 หมื่นล้าน แค่เข้ามาเสริมสภาพคล่องชำระหนี้ ไม่สามารถรองรับภาระที่เพิ่มขึ้นได้มากนัก ประกอบกับสิ้นเดือน พ.ย.นี้ เงินช่วยเหลือ 3,000 ล้านบาทของ ปตท. จะสิ้นสุดลงด้วย ระบุรอผลสรุปมาตรการภาษีดีเซลที่ชัดเจนเร็วๆนี้ก่อนพิจารณามาตรการด้านราคาดีเซลต่อไป  

ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน (Energy News Center-ENC) รายงานว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ได้หารือเตรียมความพร้อมรองรับกรณีกระทรวงการคลังปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล หลังหมดมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล 5 บาทต่อลิตร ในวันที่ 20 พ.ย. 2565 นี้  โดยก่อนหน้านี้ได้จัดทำแบบจำลองการปรับขึ้นภาษีดีเซลไว้ 3-4 แนวทาง พร้อมการบริหารเงินกองทุนฯ  ทั้งกรณีไม่ปรับขึ้นภาษีดีเซลจนถึงสิ้นปี 2565  รวมถึงกรณีทยอยปรับขึ้น หรือ ขึ้นภาษีทีเดียว 5 บาทต่อลิตร 

โดยหากมีการปรับขึ้นภาษีดีเซล ไม่ว่าจะกรณีใด ก็จะกระทบเงินกองทุนฯ อย่างแน่นอน เนื่องจากเงินกู้ 10,000 ล้านบาท ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการกู้เงินกับสถาบันการเงิน เป็นเงินสำหรับนำมาเสริมสภาพคล่องในการชำระหนี้ต่างๆ เท่านั้น ไม่ได้เตรียมไว้สำหรับภาระที่เพิ่มขึ้น 

ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่าจะมีการปรับขึ้นภาษีดีเซลแบบขั้นบันได เดือนละ 1 บาทต่อลิตรไปจนครบ 5 บาทต่อลิตรนั้นหากเป็นจริง ทางสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(สกนช.) คงต้องกลับไปจัดทำกรณีตัวอย่างเพื่อเสนอ กบน.พิจารณาหาแนวทางดูแลราคาดีเซลไม่ให้กระทบต่อประชาชนให้ได้มากที่สุด  

ปัจจุบันกองทุนฯชดเชยราคาดีเซลอยู่ 2.15 บาทต่อลิตร หรือ 130 ล้านบาทต่อวัน หากขึ้นภาษี 1 บาทต่อลิตร และกองทุนฯเข้าไปแบกรับภาระแทน ก็จะต้องชดเชยราคาดีเซลเป็น 3.15 บาทต่อลิตร ถือเป็นภาระที่หนักสำหรับกองทุนฯ เช่นกัน เนื่องจากต้องมีภาระการพยุงราคาดีเซลที่เพิ่มขึ้นแล้ว เงินช่วยเหลือจากบริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) 3,000 ล้านบาท ก็จะสิ้นสุดในเดือน พ.ย.2565 ด้วย 

อย่างไรก็ตามคงต้องรอความชัดเจนจากกระทรวงการคลัง ที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบทั้งด้านภาระเงินกองทุนฯ ที่ตึงตัว ผลกระทบต่อราคาดีเซลประชาชน รวมถึงราคาน้ำมัน ณ เวลานั้น และภาพรวมทางเศรษฐกิจประเทศด้วย 

ส่วนความคืบหน้าการกู้เงิน 10,000 ล้านบาท จากสถาบันการเงินนั้น คาดว่าจะมีความชัดเจนเร็วๆนี้ ว่าจะเลือกกู้กับสถาบันการเงินใด โดยคาดว่าเงินจะเข้าบัญชีกองทุนฯ ได้ในสัปดาห์หน้า 

สำหรับที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้ลดภาษีสรรพสามิตดีเซลมาแล้ว 4 ครั้ง โดยครั้งแรกลด 3 บาทต่อลิตร เมื่อ 18 ก.พ.-30 พ.ค. 2565 หลังจากนั้นลดภาษี 5 บาทต่อลิตร ต่อเนื่อง 3 ครั้ง ครั้งละ 2 เดือน นับตั้งแต่ 21 พ.ค.- 20 ก.ค.2565, 21 ก.ค.-20 ก.ย. และวันที่ 21 ก.ย.-20 พ.ย. 2565 

ทั้งนี้สถานะกองทุนน้ำมันฯ ล่าสุด ณ วันที่ 30 ต.ค. 2565 กองทุนฯ ติดลบถึง 129,701 ล้านบาท โดยมาจากบัญชีน้ำมันติดลบ 86,781 ล้านบาท และมาจากบัญชี LPG ติดลบ 42,920 ล้านบาท  

ส่วนสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก ณ วันที่ 4 พ.ย. 2565 เวลาประมาณ 15.00 น.  ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ระดับ 91.13 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  ส่วนน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 90.27 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.10 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล  และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) อยู่ที่ 96.67 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล

ส่วนสถานการณ์ค่าการตลาดของผู้ค้าน้ำมัน ณ วันที่  4 พ.ย. 2565 ซึ่งรายงานโดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ระบุว่าค่าการตลาดผู้ค้าดีเซลอยู่ที่  1.57 บาทต่อลิตร ส่วนค่าการตลาดกลุ่มเบนซินอยู่ที่ 2-3 บาทต่อลิตร ในขณะที่ค่าการตลาดเฉลี่ยระหว่าง  1-4 พ.ย. 2565 อยู่ที่  2.17 บาทต่อลิตร โดยภาครัฐขอความร่วมมือผู้ค้าน้ำมันตรึงค่าการตลาดไว้ไม่เกิน 1.40 บาทต่อลิตร  

Source : Energy News Center