หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ในประเทศไทยนั้นได้มีการทำโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด กันมาสักระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งแตกต่างจากโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำปกติ ตรงที่มีการผสมผสานระหว่างการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานน้ำร่วมกันนั่นเอง ในบ้านเราก็มีการทำกันมาตั้งแต่ปี 2654 ในช่วงนั้นก็ถือได้ว่าเป็นโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี
ในช่วงแรกของการเปิดตัวโครงการนั้น มีดราม่าเกิดขึ้นพอสมควร หลายคนกังวลว่า การเอาแผงโซลาร์เซลล์ไปวางไว้บนผิวน้ำเป็นจำนวนมาก ทำให้ระบบนิเวศน์เปลี่ยนไป จะก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาหรือไม่ มีผลต่อสิ่งแวดล้อมแค่ไหน พวกปลา พืช และสัตว์ที่อาศัยอยู่ใต้น้ำจะได้รับผลกระทบหรือไม่ รวมถึงแสงสะท้อนจากแผงโซลาร์เซลล์ จะมีผลต่อพวกสัตว์ปีกหรือเปล่า รวมถึงเรื่องของค่าไฟที่หลายคนกังวลว่าจะสูงขึ้นหรือไม่
ซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเขื่อนสิรินธร มีขนาดประมาณสนามฟุตบอล 70 สนาม มีแผงโซลาร์เซลล์มากถึง 145,000 แผง แบ่งออกเป็น 7 ชุด บนพื้นที่ผิวน้ำในเขื่อนไม่ถึง 1% ของพื้นที่อ่างเก็บน้ำทั้งหมด โดยเลือกใช้แผงโซลาร์เซลล์ และทุ่นลอยน้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมทั้งหมด โดยมีการวางแผงโซลาร์เซลล์ให้มีมุมเอียง มีช่องว่างระหว่างแผงและทุ่นลอยน้ำ แสงแดดสามารถลอดผ่านลงในน้ำได้ จึงไม่กระทบกับระบบนิเวศใต้น้ำ และล่าสุดยังได้มีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย โรงไฟฟ้าแห่งนี้เริ่มจ่ายกระแสไฟมาตั้งแต่ วันที่ 31 ตุลาคม 2564 กำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 45 เมกะวัตต์
โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด แห่งที่ 2
ในปี 2566 ทางกฟผ. ก็ได้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด แห่งที่ 2 ขึ้นแล้ว ซึ่งอยู่ที่ เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น โดยมีกำลังผลิตไฟฟ้าขนาด 24 เมกะวัตต์ ซึ่งโครงการนี้มีการต่อยอดเพิ่มเติมจากโครงการเดิม คือ การติดตั้งระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) แบบลิเธียมไอออนขนาด 6 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของระบบการจ่ายไฟที่มีความเสถียรมากยิ่งขึ้นในช่วงของการเปลี่ยนระบบการผลิตไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์กับพลังงานน้ำ สำหรับโครงการแห่งนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเสร็จในช่วงปลายปี 2567 นี้ ตัวโครงการใช้พื้นที่ผิวน้ำประมาณ 320 ไร่ ใช้แผงโซลาร์เซลล์จำนวน 48,000 แผงเชื่อมต่อเข้ากับทุ่นลอยน้ำ แล้วก็เชื่อมต่อสายส่งไฟฟ้าเข้ากับสถานีไฟฟ้าแรงสูงอุบลรัตน์ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 47,000 ตันต่อปี
ส่วนแผงโซลาร์เซลล์ที่นำมาใช้เป็นแผงโซลาร์เซลล์ชนิด Double Glass ที่มีทนทานสูง ทนความชื้นได้ดี สามารถออกแบบวางชิดผิวน้ำซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าถึงร้อยละ 10 – 15 และใช้ทุ่นลอยน้ำเป็นทุ่นพลาสติกชนิด High Density Poly Ethylene (HDPE) เป็นวัสดุประเภทเดียวกับท่อส่งน้ำประปาจึงเป็นมิตรต่อสัตว์น้ำและสิ่งแวดล้อม สามารถทนต่อรังสี UV ได้เป็นอย่างดี มีอายุการใช้งานนานประมาณ 25 ปี
ข้อดีของโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำ
- เป็นกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจึงไม่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2)
- ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อน
- ช่วยลดการระเหยของน้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ ซึ่งช่วยรักษาปริมาณน้ำและลดความต้องการน้ำ
- ช่วยลดอุณหภูมิของน้ำในเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อสัตว์น้ำบางชนิด
- สามารถใช้พื้นที่ผิวน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- สามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง
- สามารถลดข้อจำกัดของการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งมักจะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ
- สามารถเพิ่มความมั่นคงทางพลังงานไฟฟ้าของประเทศ
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดนั้น ถือได้ว่าเป็นโรงไฟฟ้าแห่งอนาคตที่จะเข้ามาทดแทนโรงไฟฟ้าแบบเดิมๆ ที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งก่อนให้เกิดมลภาวค่อนข้างมาก โดยโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริดเป็นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพลังงานจากแสงอาทิตย์ และพลังงานจากน้ำ ทำให้ไม่ก่อให้เกิดก๊าชคาร์บอนไดออกไซค์ และยังช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าอีกด้วยเพราะสามารถใช้อุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าที่มีอยู่เดิมได้ทั้งหมด
กฟผ. ยังมีแผนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ลอยน้ำไฮบริด ในอ่างเก็บน้ำอีกกว่า 16 โครงการทั่วประเทศ ได้แก่ เขื่อนสิรินธร เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนภูมิพล เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนบางลาง เขื่อนรัชชประภา และเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งถ้าดำเนินการเสร็จทั้งหมดจะมีความสามารถในการผลิตไฟฟ้าได้มากถึง 2,725 เมกะวัตต์เลยทีเดียว
ภาพประกอบ : การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย