หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือที่เราเรียกกันว่า Green Bond มีมานานพอสมควรแล้ว แต่ในบ้านเรานั้นยังไม่ค่อยมีออกมากนัก ซึ่งประเทศที่มีการออก Green Bond มากที่สุดในโลกก็คือ ฝรั่งเศส คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงประเทศในกลุ่มยุโรปตะวันตกอีกด้วย ซึ่งในประเทศไทยเองก็มีภาคธุรกิจออกหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมาหลายบริษัทแล้ว อาทิเช่น บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ร่วมมือกับธนาคารยูโอบี เพื่อการลงทุนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) การจัดการน้ำและน้ำเสียอย่างยั่งยืน (Sustainable Water & Wastewater Management) โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน (Energy Efficiency) อาคารสีเขียว (Green Buildings) และโครงการที่เข้าข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอื่นๆ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เสนอขายหุ้นกู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (กรีนบอนด์) ซึ่งนับเป็นหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตัวแรกของประเทศไทยที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปได้มีส่วนร่วมในการลงทุน และยังเป็นหุ้นกู้ตัวแรกของโลกที่ได้รับการรับรองด้านการอนุรักษ์ป่าไม้จาก Climate Bonds Initiative (CBI) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อม
ไออาร์พีซี (IRPC) เสนอขายหุ้นกู้อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเพื่อการลงทุนและ/หรือชำระคืนหนี้เดิม (Refinance) ในบางส่วนหรือทั้งหมด ของโครงการใหม่หรือโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตามโครงการเกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Eligible Green Projects) ของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ ซึ่งได้แก่ โครงการพลังงานหมุนเวียนประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งรวมถึงการลงทุนทางธุรกิจ ทั้งทางตรง และ/หรือ ทางอ้อมโดยบริษัทฯ และ/หรือ บริษัทในเครือ โดยการลงทุนดังกล่าวรวมถึงการใช้จ่ายเพื่อพัฒนา ติดตั้ง ดำเนินการ และเชื่อมต่อโครงข่ายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานหมุนเวียนประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วย
นอกจากนี้ยังมี บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS , บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ก็ขอยกตัวอย่างบริษัทที่มีการเสนอขายหุ้นกู้ Green Bond นี้มาให้รับทราบประมาณหนึ่งก็แล้วกันครับ จริงๆ ยังมีอีกหลายบริษัทสามารถหาข้อมูลต่างๆ ที่เว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์เพิ่มเติมกันได้เลย
หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) คืออะไร น่าลงทุนหรือไม่
หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อม เป็นการระดมทุนเพื่อนำเงินไปใช้ในโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น โครงการพลังงานทางเลือก การบำบัดน้ำเสีย การคมนาคมสะอาด ผู้ออก Green Bond ได้แก่ ภาครัฐบาล ภาคเอกชน หรือสถาบันการเงิน ที่ต้องการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนบางส่วนหรือทั้งหมดไปใช้ในการลงทุนหรือรีไฟแนนซ์ในโครงการใหม่หรือโครงการเดิมซึ่งเป็นโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม โดยผู้ออก Green Bond จะได้รับประโยชน์ดังนี้
- ช่วยสร้างความเชื่อมั่น และเสริมภาพลักษณ์ให้กับองค์กรในเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม
- ช่วยเพิ่มการลงทุนจากนักลงทุนที่สนใจเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม
- ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง ก.ล.ต.
แล้วผู้ลงทุนในหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จะได้ประโยชน์อะไรบ้าง
- ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่เสนอขายได้แจ้งเอาไว้
- ได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายในแต่ละประเทศด้วย
- ได้รับความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านการลงทุนร่วมกับองค์กร
สนใจลงทุน หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ต้องเตรียมตัวอย่างไร
สำหรับการเตรียมตัวนั้น ก็จะเป็นเรื่องของการหาข้อมูลเพื่อการพิจารณาลงทุนเป็นหลัก เริ่มตั้งแต่ ติดตามข่าวสารการออก Green Bond จากเว็บไซต์ sec.or.th ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองว่าตรงกับเงื่อนไขต่างๆ ที่ระบุไว้หรือไม่ จำนวนเงินลงทุนขั้นต่ำกำหนดไว้ที่เท่าไหร่ จากนั้นก็ให้ดูข้อมูลหุ้นกู้ด้วยว่ามีความน่าเชื่อถือแค่ไหน ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ระยะเวลาในการลงทุน ซึ่งหากเป็นบริษัทที่เคยมีการเสนอขายหุ้นกู้มาหลายรอบแล้ว ก็จะง่ายหน่อย เพราะมีข้อมูลเดิมอ้างอิง ส่วนบริษัทใหม่อาจจะต้องใช้เวลาพิจารณาให้รอบคอบมากขึ้นครับ หากดูข้อมูลแล้วไม่เข้าใจ หรือไม่แน่ใจ แนะนำให้สอบถามจากผู้เชี่ยวชาญ หรือที่ปรึกษาการลงทุนจะดีทึ่สุด
เมื่อพร้อมแล้ว ก็เตรียมเงินลงทุน และจองซื้อผ่านทางสถาบันการเงินที่ทางผู้เสนอขายแจ้งไว้ได้เลย ส่วนใหญ่จะมีการเปิดให้จองผ่านระบบออนไลน์ก่อน
ตอนนี้มีบริษัทไหนเสนอขาย หุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บ้าง
ล่าสุดตอนนี้ก็มี บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งกำลังจะเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ กรีนบอนด์ (Green Bond) ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 3 รุ่น โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ A- สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นกู้ที่เสนอขายนั้นจะเป็นชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นกู้ที่จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปมีจำนวน 3 รุ่น คือ
- หุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.20 – 3.40%
- หุ้นกู้รุ่นอายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.50 – 3.70%
- รุ่นกู้รุ่นอายุ 5 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.95 – 4.15%
สำหรับวันเวลาจำหน่าย และอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอน ทางพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) จะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2566 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 16,860.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,589.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.16 โดยในไตรมาสที่ 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 7,956.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,502.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.88 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ ปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,454.07 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน
โดยที่ผ่านมา EA ได้ส่งผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เช่น รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า ตลอดจนมีสถานีชาร์จ ยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 490 สถานี ครอบคลุมทุกภูมิภาค จึงมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่า หุ้นกู้ EA ที่จำหน่ายในครั้งนี้จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนต้องการลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคง และต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข่าวสารจากทางบริษัท หรือสถาบันการเงินทั้ง 6 แห่ง และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)โทร. 1333 หรือ Bualuang mBanking
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ โทร. 02-777-6784 หรือแอป SCB EASY
- ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 แอปพลิเคชัน – CIMB Thai Digital Banking
- บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
- บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
- บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0410
Photo source: freepik