Highlight & Knowledge

คาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้าน สร้างรายได้ ช่วยลดโลกร้อน

ขยะในปัจจุบันมีปริมาณเพิ่นขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงขยะจากบ้านเรือนที่อยู่อาศัย แม้ว่าจะมีการพัฒนาวิธีแก้ไขปัญหาขยะมากอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ดูเหมือนว่าจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้น หนึ่งในการแก้ไขปัญหาที่นิยมมาก ก็คือ การแยกขยะก่อนทิ้งที่ช่วยให้การนำขยะไปรีไซเคิล และแยกไปทำลายได้ง่ายขึ้นนั่นเอง ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ ซึ่งเป็นที่มาของการได้คาร์บอนเครดิตอีกทางหนึ่งแบบง่ายๆ จากขยะภายในบ้าน

สหประชาชาติ (UN) และกระทรวงมหาดไทย ประเทศไทย ได้ร่วมกันดำเนินโครงการความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการจัดการขยะอย่างยั่งยืน โดยเน้นการคัดแยกขยะครัวเรือน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) เป้าหมายที่ 11 เมืองและการตั้งถิ่นฐานมนุษย์ที่ยั่งยืน

ความร่วมมือระหว่าง UN และกระทรวงมหาดไทย เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2562 โดย UN ได้สนับสนุนองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ในการพัฒนาโครงการ “ถังขยะเปียกลดโลกร้อน” ซึ่งเป็นโครงการที่ส่งเสริมให้ครัวเรือนและชุมชนคัดแยกขยะเปียกจากขยะทั่วไป โดยขยะเปียกที่ผ่านการคัดแยกจะถูกนำไปทำปุ๋ยหมักหรืออาหารสัตว์ ซึ่งจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้ ส่วนขยะแห้งจะถูกนำไปรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกทางหนึ่ง

คาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้าน

คาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้าน คือ หน่วยวัดการลดหรือกักเก็บก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการคัดแยกขยะในบ้านและชุมชน โดยขยะเปียกที่ผ่านการคัดแยกจะถูกนำไปทำปุ๋ยหมักหรืออาหารสัตว์ ซึ่งจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้ ส่วนขยะแห้งจะถูกนำไปรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกทางหนึ่ง

photo : freepik

คาร์บอนเครดิตมีหน่วยเป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ซึ่งหมายถึงปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล 1 ตัน เทียบเท่ากับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากแหล่งอื่นๆ เช่น กระบวนการผลิตอาหาร การเกษตร การขนส่ง เป็นต้น โดยคาร์บอนเครดิตสามารถซื้อขายกันได้ เพื่อใช้หักลบปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรหรือบุคคลที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ในประเทศไทย กระทรวงมหาดไทยได้ริเริ่มโครงการ “ถังขยะเปียกลดโลกร้อน” เพื่อส่งเสริมให้ครัวเรือนและชุมชนคัดแยกขยะ โดยโครงการนี้ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้เป็นโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง

การคัดแยกขยะในบ้านและชุมชนเป็นกิจกรรมง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและรักษาสิ่งแวดล้อม คาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้านจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างรายได้ให้กับชุมชนและครัวเรือน เป็นการตอบแทนความพยายามในการช่วยลดโลกร้อน

ถังขยะเปียกลดโลกร้อน

ถังขยะเปียกลดโลกร้อน คือ โครงการที่ส่งเสริมให้ครัวเรือนและชุมชนคัดแยกขยะเปียกจากขยะทั่วไป โดยขยะเปียกที่ผ่านการคัดแยกจะถูกนำไปทำปุ๋ยหมักหรืออาหารสัตว์ ซึ่งจะช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้ ส่วนขยะแห้งจะถูกนำไปรีไซเคิล ซึ่งจะช่วยช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบหรือเผาทำลาย ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อีกทางหนึ่ง

ในประเทศไทย กระทรวงมหาดไทยได้ริเริ่มโครงการ “ถังขยะเปียกลดโลกร้อน” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 โดยโครงการนี้ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้เป็นโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง ปัจจุบันนำร่องใน 4 จังหวัด คือ ลำพูน สมุทรสงคราม เลย และอำนาจเจริญ ในอนาคตวางแผนจะขยายการดำเนินการอีก 22 จังหวัด รวมเป็น 26 จังหวัด ซึ่งจะทำให้มีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่จัดเก็บเทียบเท่าได้มากกว่า 2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์ สอดคล้องกับนโยบายเศรษกิจ BCG ของไทย และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

การทำถังขยะเปียกลดโลกร้อนสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้ โดยเริ่มจากการเตรียมถังพลาสติกหรือภาชนะอื่นๆ ที่มีฝาปิดจากนั้นให้ ตัดก้นถังออก 2 ถึง 3 ส่วนของความสูงของถัง ต่อไปก็นำเศษอาหาร เศษผัก ผลไม้มาทิ้งในถังที่ฝังไว้ และปิดฝาให้มิดชิด สุดท้ายให้เติมน้ำหมักจุลินทรีย์หรือไส้เดือนในดิน จะช่วยย่อยสลายเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยได้เร็วขึ้น ใครสนใจดูรายละเอียดเรื่อง “ถังขยะเปียก” คลิ้กที่นี่ เพื่อดูบทความที่เราเคยนำเสนอไว้ได้เลย

วิธีการสร้างคาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้าน

  • คัดแยกขยะในบ้านออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล และขยะทั่วไป
  • นำขยะอินทรีย์ไปทำปุ๋ยหมักหรืออาหารสัตว์
  • นำขยะรีไซเคิลไปรีไซเคิล
  • ฝังกลบขยะทั่วไปอย่างถูกต้อง

ตอนนี้มีที่ไหนรับซื้อคาร์บอนเครดิตจากขยะบ้าง

ธนาคารกสิกรไทยรับซื้อคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ (T-VER) โดยโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ (T-VER) เป็นโครงการที่ดำเนินงานโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เพื่อส่งเสริมให้ภาคเอกชนและชุมชนดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจก และได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ให้เป็นโครงการที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริง

ภาพจาก : ไทยรัฐ

ราคาการรับซื้อคาร์บอนเครดิตของธนาคารกสิกรไทยจะขึ้นอยู่กับปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ซื้อ ประเภทของโครงการ และคุณภาพของโครงการ โดยราคาการรับซื้อคาร์บอนเครดิตของธนาคารกสิกรไทยในปี พ.ศ. 2566 อยู่ที่ประมาณ 260 บาทต่อตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า องค์กรหรือบุคคลที่สนใจขายคาร์บอนเครดิตให้กับธนาคารกสิกรไทย สามารถติดต่อธนาคารกสิกรไทยเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้

นอกจากนี้ ธนาคารกสิกรไทยยังสนับสนุนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ (T-VER) โดยการร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น โครงการปลูกป่า โครงการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานในอาคาร เป็นต้น

วิธีเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้าน

ครัวเรือนและชุมชนสามารถเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้านได้ โดยติดต่อไปยังหน่วยงานหรือองค์กรที่ดำเนินโครงการ เช่น กระทรวงมหาดไทย องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือธนาคารกสิกรไทย ซึ่งหน่วยงานหรือองค์กรเหล่านี้จะเป็นผู้ให้คำแนะนำและสนับสนุนในการดำเนินการต่างๆ โดยขั้นตอนมีดังนี้

  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการคาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้าน ซึ่งสามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของโครงการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น เว็บไซต์ของกระทรวงมหาดไทย เว็บไซต์ขององค์การบริหารก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นต้น
  2. ติดต่อหน่วยงานที่ดำเนินโครงการ เพื่อขอเข้าร่วมโครงการ โดยหน่วยงานจะเป็นผู้ให้คำแนะนำและสนับสนุนการดำเนินงาน
  3. ดำเนินการคัดแยกขยะในบ้านตามแนวทางของโครงการ โดยแยกขยะออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล และขยะทั่วไป
  4. รวบรวมขยะอินทรีย์และขยะรีไซเคิลตามแนวทางของโครงการ
  5. ส่งขยะอินทรีย์และขยะรีไซเคิลให้กับหน่วยงานที่ดำเนินโครงการ

สำหรับโครงการต่างๆ ที่สามารถเข้าร่วมได้ อาทิเช่น โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน โครงการปุ๋ยหมักชุมชน โครงการรีไซเคิลชุมชน เป็นต้น และยังมีโครงการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องคาร์บอนเครดิตจากขยะอีกมากมาย ทั้งจากภาคเอกชน และภาครัฐ โดยแต่ละโครงการก็มีขั้นตอนการเข้าร่วมที่แตกต่างกันไป สามารถหาข้อมูลได้จากเว็บไซต์ของโครงการต่างๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยครับ

photo : freepik

ตัวอย่างขั้นตอนการเข้าร่วม โครงการถังขยะเปียกลดโลกร้อน

  1. สมัครเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงมหาดไทย
  2. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จะจัดส่งถังขยะเปียกสำหรับแยกขยะอินทรีย์ให้กับครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ
  3. ครัวเรือนนำขยะอินทรีย์ไปทิ้งในถังขยะเปียก
  4. อปท. จะรวบรวมขยะอินทรีย์จากครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ
  5. อปท. จะนำไปผลิตเป็นปุ๋ยหมักหรืออาหารสัตว์
  6. อปท. จะมอบคาร์บอนเครดิตให้กับครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการ

การเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้าน เป็นแนวทางหนึ่งในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถเป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนและครัวเรือนได้อีกด้วย ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและสร้างคาร์บอนเครดิตจากขยะในบ้านได้ง่ายๆ เพียงเริ่มต้นจากการคัดแยกขยะในบ้านอย่างถูกวิธี

เนื้อหาน่าสนใจ :  เขย่าวงการ "ธ.ก.ส." รับซื้อคาร์บอนเครดิต ราคากึ่ง CSR ตันละ 3,000 บาท

รู้จัก Urban-Act โครงการเปลี่ยนไทยสู่เมืองคาร์บอนต่ำ

วันนี้จะพาทุกท่านมารู้จักกับโครงการใหม่ล่าสุดที่เพิ่งมีการทำข้อตกลง เพื่อเปลี่ยนเมืองไทยสู่เมืองคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจาก องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) องค์การเมืองและรัฐบาลท้องถิ่นแห่งเอเชียแปซิฟิก (UCLG ASPAC) มหาวิทยาลัยชตุทการ์ท…

ร่างแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิง OIL PLAN 2024

เนื้อหาในวันนี้ เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับร่างแผนบริหารจัดการเชื้อเพลิงของ กรมธุรกิจพลังงาน ซึ่งได้จัดทำร่างแผนบริหารจัดการน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2567–2580 (Oil Plan 2024) ออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยเป็น…

สีรถเพิ่มความเย็น CoolPaint เทคโนโลยีสีประหยัดพลังงาน

CoolPaint เทคโนโลยีสีประหยัดพลังงาน ที่คิดค้นและพัฒนาโดย Nissan แบรนด์รถยนต์ที่เรารู้จักกันดี โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ห้องโดยสาร และบริเวณภายในรถเย็นขึ้น ทำให้ช่วยลดการใช้พลังงานจากเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ได้ ซึ่งถือว่าเป็นสีตัวรถเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สำหรับเทคโนโลยีสีรถยนต์แบบใหม่ล่าสุดนี้…

Leave a Reply