อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ร่วมกับกระทรวงพลังงานและสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย นำทัพหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเครือข่ายพันธมิตรด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมชั้นนำจากทั่วโลก จัดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASEW) และ Electric Vehicle Asia 2023 (EVA) งานมหกรรมเทคโนโลยีและการประชุมนานาชาติด้านพลังงานทดแทน สิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่ครบครันที่สุดของภูมิภาค ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2566 นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ เพื่อร่วมผลักดันภาคอุตสาหกรรมในการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด สู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนอย่างยั่งยืน
โดยงาน ASEW ในปีนี้ได้ชูแนวคิด “Powering the Clean Energy Transition Toward Carbon Neutrality Goal” หรือ ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาดสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยจะมีการนำเสนอเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม แบบครบวงจร โดยจัดควบคู่กับงาน Electric Vehicle Asia 2023 (EVA) ที่จัดต่อเนื่องร่วมกันปีนี้เป็นปีที่ 8 แล้ว โดยเป็นเวทีสำคัญด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่รวบรวมผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และผู้ที่เกี่ยวข้องใน EV Eco System และ Value Chain ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
ในงานแถลงข่าวเพื่อชี้แจงรายละเอียดของงานเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา นายวรนล จันทร์ศิริ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านยุทธศาสตร์พลังงาน สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานมีพันธกิจที่สำคัญในการส่งเสริมการลดการปล่อยคาร์บอนจากภาคพลังงาน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยกระทรวงพลังงาน อยู่ระหว่างการจัดทำแผนพลังงานชาติ (National Energy Plan: NEP) ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงาน โดยมีการดำเนินการที่สอดคล้องกับเป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ของประเทศ อาทิ มุ่งลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดสำหรับการผลิตไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าใหม่ไม่น้อยกว่า 50% ในปี ค.ศ. 2050 และส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีสัดส่วน 30% ภายในปี 2030
นอกจากนั้น กระทรวงพลังงานยังมุ่งดำเนินการตามเป้าหมายย่อยเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ เช่น รักษาสมดุลพลังงานผ่านการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ทั้งการผลิตจากแหล่งในประเทศและการจัดหาก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากการนำเข้า การใช้เทคโนโลยีที่ส่งเสริมพลังงานสะอาด เช่น เทคโนโลยีดักจับและกักเก็บคาร์บอน หรือ CCS (Carbon Capture and Storage) และเทคโนโลยีการดักจับ ใช้ประโยชน์ และกักเก็บคาร์บอน หรือ CCUS ( carbon capture, utilization & storage: การดักจับก๊าซ CO2 ด้วยวัสดุดูดซับ และนำก๊าซ CO2 ที่ดักจับได้ไปแปรรูปเป็นสารมูลค่าสูงในอุตสาหกรรม ตลอดจนนำก๊าซ CO2 ไปกักไว้อย่างถาวรโดยการอัดเข้าไปเก็บใต้ผืนพิภพ) โดยมีพื้นที่นำร่องคือในอ่าวไทย เป็นต้น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจรูปแบบ BCG (B Bio Economy ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ C Circular Economy ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และ G Green Economy ระบบเศรษฐกิจสีเขียว) โดยในงาน ASEW กระทรวงพลังงาน โดยกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน จะออกบูทจัดนิทรรศการให้ความรู้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชม และจะมีการสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจหลากหลายหัวข้อ
รศ.ดร. สาวิตรี การีเวทย์ ผู้แทนจากบัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี กล่าวว่า สถาบันมีพันธสัญญาที่จะพัฒนาหลักสูตรเพื่อสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งเน้นด้านพลังงานสะอาด รวมถึงการ upskill และ reskill ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการพัฒนาพลังงานสะอาด โดยในงาน ASEW ที่จะจัดขึ้นนี้ มหาวิทยาลัยฯ จะร่วมจัดสัมมนา the 19th Renewable Energy Asia International Conference “The Role of Private Sector in Carbon Neutrality Transition in ASEAN” ที่จะอภิปรายถึงบทบาทของภาคเอกชนที่จะช่วยผลักดันภูมิภาคอาเซียนไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยจะได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง รวมถึงประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจ เช่น ไฮโดรเจนสีเขียว และการพัฒนาตลาดการค้าคาร์บอน เป็นต้น
ดร. พิลาณี ไวถนอมสัตย์ สถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตผลทางการเกษตร คณะอุตสาหกรรมการเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อันดับ 1 ของประเทศ และเป็นอันดับที่ 40 ของโลก โดยล่าสุดได้จัดให้มีแคมเปญ KU Carbon Neutrality เพื่อดำเนินการให้สอดคล้องกับเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนของประเทศ โดยสำหรับงาน ASEW ในปีนี้ มหาวิทยาลัยฯ จะจัดสัมมนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและให้ความรู้ โดยเฉพาะในประเด็น bio energy หรือ พลังงานชีวมวลที่ได้จากการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ เพื่อสนับสนุนทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจ BCG และการดำเนินการสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net Zero ของประเทศ
ด้าน ผศ.ดร. อุเทน สุปัตติ อุปนายกฝ่ายวิชาการและผู้แทนนายกสมาคม สมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย(EVAT) กล่าวว่า ทางสมาคมฯ ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงาน Electric Vehicle Asia 2023 ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 แล้ว โดยในปีนี้สมาคมฯ จะจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจะเป็นการสร้างแพลตฟอร์มในการถ่ายทอดความรู้เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมกันนี้ จะจัดให้มีการประชุมวิชาการระดับภูมิภาคด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า iEVTech 2023 เพื่ออัปเดตทิศทาง แนวโน้ม โอกาส ตลอดจนเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Eco System) เช่น แบตเตอรี่และการจัดการแบตเตอรี่หลังใช้แล้ว นอกจากนั้น จะมีการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าดัดแปลง เพื่อกระตุ้นและสร้างการรับรู้ถึงการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ตลอดจนจะมีวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากภาคการเงินและภาคประกันภัยมาให้ความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าแก่ผู้สนใจด้วย
ดร. พิมพา ลิ้มทองกุล นายกสมาคมเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานไทย (TESTA) กล่าวว่า สมาคมฯ ร่วมจัดสัมมนา iEVTech 2023 ที่จะมีเวทีอภิปรายแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ด้านเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า โดยปีนี้จะเน้นเรื่องแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า และจะมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กระทรวงอุตสาหกรรม ตลอดจนภาคเอกชน เพื่อพูดคุยกันถึงโอกาส ความเหมาะสม และแนวทางการสนับสนุนแบตเตอรรี่เพื่อเป็นระบบกักเก็บพลังงานที่มีประสิทธิภาพสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
นายสรรชาย นุ่มบุญนำ ผู้จัดการทั่วไป อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้ ASEW ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 33 ได้รับการตอบรับที่ดี โดยมีความต้องการเข้าร่วมจัดแสดงนิทรรศการมากกว่าช่วงก่อนโควิด-19 ถึง 130% ทำให้ปีนี้มีพื้นที่จัดแสดง กว่า 20,000 ตร.ม. สำหรับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกที่เข้าร่วมแสดง กว่า 1,500 แบรนด์ อาทิ ABB, Delta, Anest Iwata, Oriental Copper, Siemens, Clenergy, Solar PPM, AMR Asia, Charge24, Trumpf และ Hexagon พร้อมกันนี้ยังจะได้พบกับพาวิเลียนนานาชาติกว่า 8 ประเทศ ทั้ง เยอรมนี ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นโอกาสที่จะสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายทางธุรกิจจากทั่วโลก และแลกเปลี่ยนความรู้เชิงลึกผ่านการประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติกว่า 200 หัวข้อ ครอบคลุมหัวข้อด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมในอนาคต รวมถึงมีการจัดงาน Electric Vehicle Asia 2023 และการประชุมนานาชาติด้านยานยนต์ไฟฟ้า iEVTech 2023 ควบคู่กันด้วย ทั้งนี้ การจัดงานในปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานกว่า 25,000 คน จากทั่วภูมิภาคครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมหลัก และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมรับฟังสัมมนาในหัวข้อต่างๆ รวมกว่า 5,000 คน จึงเชื่อมั่นว่าเวที ASEW และ EVA จะช่วยพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมด้วยพลังงานสะอาดที่ยั่งยืนในอนาคตให้กับประเทศไทยได้
สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงาน ASEAN Sustainable Energy Week 2023 และ งาน Electric Vehicle Asia 2023 ได้ที่ www.asew-expo.com
Source : Energy News Center